svasdssvasds

ตลาดหลักทรัพย์ จ่อแถลงปมหุ้น MORE วันนี้ ปมร่วงฟลอร์ 2 วันติด

ตลาดหลักทรัพย์ จ่อแถลงปมหุ้น MORE วันนี้ ปมร่วงฟลอร์ 2 วันติด

จ่อแถลงเช้านี้! ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมโบรกเกอร์ เตรียมเปิดแถลงข่าวชี้แจงประเด็นหุ้น MORE ร่วงฟลอร์ 2 วันติด ในช่วงเช้าวันที่ 14 พ.ย.

  หลังประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันตลอดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย เตรียมเปิดแถลงข่าวในวันที่ 14 พ.ย. นี้

 กรุงเทพธุรกิจรายงานว่า ทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ส่งหนังสือเชิญร่วมงานแถลงข่าว หลังจากที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น MORE ซึ่งการแถลงข่าวจะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ย. เวลา 9.00 น. ที่ห้องประชุมเสรี จินตนเสรี ชั้น 7 อาคารตลาดหลักทรัพย์

โดยผู้ร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น MORE มี นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ  และ นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ข่าวปลอม ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดให้ลงทุน 1,000 บาท รายได้ 25,000 บาท

• DELTA แอพฯ แสดงภาพรวมการลงทุนในสกุลเงินคริปโตและตลาดหุ้นได้แบบเรียลไทม์

• หยุดแชร์ SMS ลงทะเบียนรับเงิน 1,000 บาท จากตลาดหลักทรัพย์ฯ โปรดอย่าหลงเชื่อ

 สำหรับหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 23.69% คือ “อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ” ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จาก “การดิ่งฟลอร์” (Floor) 2 วันติด

 “มอร์ รีเทิร์น” หรือชื่อเดิมคือ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA เคยมีข่าวฉาวโฉ่เกี่ยวกับการฉ้อโกงบิตคอยน์จากนักธุรกิจต่างประเทศ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อใหม่พร้อมปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2562 กลายมาเป็น บริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) ในปัจจุบัน  

 ทั้งนี้ราคาแรกเริ่มของ หุ้น MORE อยู่ที่หุ้นละ 0.30 บาท ก่อนจะถูกไล่ราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นมา “สูงสุด” ที่ 2.98 บาทต่อหุ้น แต่ผลดำเนินงานกลับสวนทางราคาหุ้น สะท้อนผ่านผลดำเนินงานของบริษัทที่ “ขาดทุนสุทธิ” ต่อเนื่อง ยกเว้นแต่ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,158 ล้านบาท แต่เป็นกำไรที่เกิดจากการปรับโครงสร้างหนี้และการขายทรัพย์สิน

 หุ้น MORE ถูกไล่ราคาขยับขึ้นไปเรื่อยๆ ตามแบบฉบับของหุ้นเล็กสไตล์ “เก็งกำไร”

จนเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ย. 2565  ที่ผ่านมา ปฏิบัติการถล่มขายหุ้นเริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่ก่อนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะเปิดการซื้อขาย หลังมีสัญญาณไฟกระพริบการตั้งคำสั่งซื้อ ATO หุ้น MORE ที่ระดับราคา 2.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่สูงผิดปกติอย่างมีนัยสำคัญ เพราะราคาปิดตลาด 9 พ.ย. 65 อยู่ที่ 2.78 บาทต่อหุ้น แต่วันนั้นมีคำสั่งซื้อเข้ามาจำนวน 1,500 ล้านหุ้น คิดเป็นเงินกว่า 4,350 ล้านบาท  

 ด้วยปริมาณหุ้นที่ซื้อขายในราคาเปิดซึ่งถือว่าสูงผิดปกติ จนมีคำถามว่า ใครเป็นคนตั้งซื้อ และใครเป็นคนตั้งขาย แต่ที่แน่ๆ ทั้งฝั่งคนซื้อและฝั่งคนขายต้องมีความประสงค์ที่จะจับคู่ซื้อขายพร้อมๆ กัน 

 ในหลักการทั่วไป หลังราคาหุ้นขึ้นสูงสุดระดับหนึ่งแล้ว กลุ่มคนที่มีพฤติกรรมอำพราง และเป็นกลุ่มที่มีหุ้นอยู่ในมือจำนวนมาก หรืออาจจะเป็นหนึ่งในหุ้นใหญ่ ที่มีเจตนาไม่ดีตั้งแต่ต้นต้องการขายหุ้นเพื่อนำเงินออกมา ก็ต้องหาวิธีเทขายหุ้นออกมา

 ดังนั้น กรณีที่เกิดขึ้นกับ หุ้น MORE เช่นกัน หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่อักษรย่อว่า “เฮียม.” เลือกใช้วิธีให้พวกพ้องของตนเองไล่เปิดพอร์ตกับบริษัทหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) หลายแห่ง เพื่อรับซื้อหุ้นที่ “เฮียม.” จะเทขายออกมาก้อนใหญ่

เมื่อแผนการตรวจสอบความผิดปกติเกิดขึ้นทันที ! และโบรกเกอร์พบว่า “คำสั่งซื้อขาย” (ออเดอร์) หุ้น MORE กระจายความเสียหายไปกว่า 14-20 โบรกเกอร์นั้น มาจากชายคนเดียวที่ชื่อว่า “นาย ป.”

 กระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นของ “เฮียม.” โดยมี “นาย ป.” เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญ เริ่มมาตั้งแต่เดือนเม.ย. ที่ผ่านมา โดย เฮียม. นั้นให้ “นาย ป.” ไล่เปิดพอร์ตลงทุนกับหลักทรัพย์หลายแห่งทั้งพอร์ตบัญชีเงินสดและบัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) ด้วยการใช้วิธีนำหุ้นในพอร์ตของบริษัทอื่นมาค้ำประกัน แต่ส่วนใหญ่หุ้นในพอร์ตก็จะเป็นหุ้น MORE เป็นหลักเพื่อต้องการเปิดวงเงินระดับสูง 300-500 ล้านบาท 

 หากย้อนกลับไปดูจะพบว่า กลุ่มนี้จะเริ่มเก็บหุ้นและไล่ราคา บ่งชี้จากรายชื่อผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก พบว่าหุ้น MORE เป็นหุ้นไซส์เล็กที่มีผู้ถือหุ้น บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด (NVDR) ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากทำไมถึงมี NVDR เพราะว่า “นักลงทุนต่างชาติ” ไม่มีทางจะซื้อหุ้น MORE แน่นอน จึงน่าสังเกตว่ากลุ่มคนที่เข้าไปซื้อหุ้น MORE ผ่าน NVDR อาจจะมีพฤติกรรมอำพรางอะไรบางอย่างหรือไม่

 แต่ที่แน่นอนกว่าคือ ในวันจันทร์ 14 พ.ย. 2565 นี้ จะต้องมีการชำระเงิน (เคลียร์ริ่ง) ที่จะครบดีล T+2 และด้วยมูลค่าเงินก้อนโต จึงคาดว่า “ผู้ส่งคำสั่งซื้อ” คงไม่สามารถชำระคืนเงินให้โบรกเกอร์ได้ หากเป็นเช่นนั้นโบรกเกอร์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบธุรกรรมครั้งนี้ทั้งหมด ซึ่งจะว่าไปแล้วปฎิบัติการครั้งนี้ น่าจะมีการวางแผนมาอย่างดี เป้าหมายคือ ใช้เงินโบรกเพื่อปลดล็อกหุ้น นั่นแปลว่าความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับโบรกเกอร์ทันที

 ปฎิบัติการณ์นี้สร้างความเสียหายใหญ่เกินกว่าที่หลายคนจะคาดการณ์ได้ เพราะหากปล่อยให้การเคลียร์ริ่งเกิดขึ้น เชื่อว่าจะคงมีหลายโบรกถึงขั้นเสี่ยงล้มละลายถูกลบชื่อออกจากระบบอย่างแน่นอน

related