svasdssvasds

ทนาย "นอท กองสลากพลัส" แจง 39 เส้นทางเงิน 1,090 ล้านบาท ยันได้มาอย่างถูกต้อง

ทนาย "นอท กองสลากพลัส" แจง 39 เส้นทางเงิน 1,090 ล้านบาท ยันได้มาอย่างถูกต้อง

“นอท กองสลากพลัส ส่งทนายความชี้แจงเอกสารเส้นทางการเงิน 39 เส้นทาง 1090 ล้านบาท ยืนยัน เป็นเงินที่ได้มาอย่างถูกต้อง หลังดีเอสไอพบพบเกี่ยวข้องธุรกิจผิดกฎหมาย

นายศุภชัย ทิพย์สิทธิ์ ทนายความของนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เข้ายื่นเอกสารหลักฐานเพื่อชี้แจงรายละเอียดเส้นทางการเงิน39เส้นทาง มูลค่า1090ล้านบาท ที่ดีเอสไอตรวจพบว่า เป็นเงินที่มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย โดยนายพันธ์ธวัช หรือ นอท ไม่ได้เดินทางมาด้วยตนเองและมอบหมายให้ทนายความมาชี้แจงกับ นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติดดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน

ทนาย "นอท กองสลากพลัส" แจง 39 เส้นทางเงิน 1,090 ล้านบาท ยันได้มาอย่างถูกต้อง

โดยนางสาวพิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยความคืบหน้าทางคดี ว่า วันนี้นายพันธ์ธวัช ได้ส่งให้ทนายความมาชี้แจงแทน และมอบหลักฐานข้อมูลเส้นทางการเงินดังกล่าวให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ ก็ต้องตรวจสอบหลักฐานที่ทนายความนำมามอบให้ว่าจะสามารถชี้แจงข้อสงสัยที่พนักงานสอบสวนมีอยู่หรือไม่ และหากยังชี้แจงไม่ชัดเจนก็จะออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลอีกครั้ง และหากการชี้แจงเส้นทางการเงิน 39 เส้นทางที่นายพันธ์ธวัชให้ข้อมูลไว้ไปถึงใคร ก็จะมีการเรียกบุคคลนั้นมาชี้แจงเพิ่มเติมด้วย แต่ต้องรอฟังทนายความชี้แจงคำให้การก่อน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“หากตรวจสอบ39เส้นเงินแล้วไปพบว่าเกี่ยวข้องกับมครจะต้องเรียกมาชี้แจงหรือไม่ ตอบว่า จะมีการเรียกมาชี้แจงเพิ่มเติทในส่วนที่ยังสงสัย ปต่ต้องรอฟัฃทนายความชี้แจงคำให้การก่อน” พิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกดีเอสไอกล่าว

ทนาย "นอท กองสลากพลัส" แจง 39 เส้นทางเงิน 1,090 ล้านบาท ยันได้มาอย่างถูกต้อง

หลังจากให้การนานกว่า 1ชั่วโมง นายศุภชัย ทนายความของนายพันธ์ธวัช บอกว่า วันนี้ได้ชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ไปครบถ้วน พร้อมยืนยันว่า เงินจำนวน39เส้นทางการเงินที่เข้ามาในบัญชีเป็นเงินมาจากธุรกิจที่ถูกกฎหมาย สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด และเป็นเงินที่เข้าออกอย่างปกติ ผ่านเข้ามาในบัญชีของนายพันธ์ธวัช โดยตรง แต่เป็นเงินก้อนใหญ่จึงต้องมาชี้แจง และเงินทั้งหมดนำมาใช้ในการลงทุนธุรกิจสลากออนไลน์ของกองสลากพลัส 

ส่วนจะเป็นเงินที่มาจากนายทุนของนายพันธ์ธวัชหรือไม่ คงต้องรอดีเอสไอตรวจสอบ และหลังจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของดีเอสไอ ที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะก็สามารถชี้แจงได้ทั้งหมดแล้ว และไม่ได้กังวลว่า นายพันธ์ธวัชจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย

ทนาย "นอท กองสลากพลัส" แจง 39 เส้นทางเงิน 1,090 ล้านบาท ยันได้มาอย่างถูกต้อง

ส่วนอีกหนึ่งคดีของนายพันธ์ธวัช คือคดีพิเศษที่ 288/2565 ซึ่งเป็นคดีแรกที่ดีเอสไอสืบสวนพบเส้นทางการเงิน 53 ล้านบาท จากบัญชีม้าเว็บพนันออนไลน์โอนมาให้นายพันธ์ธวัชนั้น รองโฆษกดีเอสไอ ระบุว่า พนักงานสอบสวนได้สอบสวนไปทั้งหมดแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อมูลหลักฐาน คำให้การ ว่าสอดคล้องกับหลักฐานที่ธนาคารส่งมาให้หรือไม่  แล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ทั้งประเด็นเรื่องของเงิน 53 ล้านที่พบว่ามี บุคคลหนึ่ง ให้นายพันธ์ธวัช นำไปขึ้นเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย

ทั้งนี้ นายพันธ์ธวัช ยังอยู่ในฐานะพยานจึงยังสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามสิทธิเสรีภาพ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไปจำกัดสิทธิเสรีภาพการเดินทางได้และหากตรวจสอบพบแล้วมีหลักฐานชีเเจนพบว่ากระทำความผิด ต่อให้นายพันธ์ธวัช ปฏิเสธก็ต้องดำเนินคดี

ทนาย "นอท กองสลากพลัส" แจง 39 เส้นทางเงิน 1,090 ล้านบาท ยันได้มาอย่างถูกต้อง

สำหรับ ข้อมูลเส้นทางการเงินจำนวน53 ล้านบาท ที่นายพันธ์ธวัช ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ และจะมีการแถลงความชัดเจนจาก ดีเอสไอ ในสัปดาห์หน้านั้น จากการตรวจสอบพบว่า เงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่ให้บุคคลคนหนึ่ง ชื่อย่อ อ. ไปขึ้นเงินสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ถูกรางวัลรวม 2 ครั้งภายในวันเดียว ครั้งแรก 42 ล้านบาท และ 11 ล้านบาท ซึ่งคนที่ไปขึ้นเงินรางวัล จ่ายเงินเป็นแคชเชียร์เช็คให้กับนายพันธ์ธวัช และขณะนี้ นาย อ. ก็ถูกออกหมายจับ คดีร่วมกันฟอกเงิน และร่วมกันจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ แต่นาย อ. คนนี้ยังหลบหนีอยู่ ซึ่งดีเอสไอ ได้รับประสานมาว่าจะเข้ามอบตัวในเร็วๆด้วย

สำหรับการสอบปากคำนานพันธ์ธวัช เรื่องจำนวนเงิน 53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ม.ค.นั้น พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบว่าค่อนข้างมีความชัดเจน และข้อเท็จจริงชัดเจนแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ต้องให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษร่วมกันประชุม เพื่อลงมติว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่นายพันธ์ธวัชหรือไม่ ดังนั้น ประชาชนจะได้ทราบผลสรุปเรื่องเงิน 53 ล้านบาท ที่นายพันธ์ธวัชรับมาจาก "นาย อ." ก่อน ในขณะที่เส้นทางการเงิน 39 รายการยังคงต้องใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลต่อไป

และในคดีนี้เดียวกับจำนวนเงิน 53ล้านบาทของนายพันธ์ธวัช ยังมีอีก 7 บัญชี เป็นเงินรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ที่ดีเอสไอออกหมายเรียกมาให้ข้อมูลถึงเส้นทางการเงิน ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ก็ได้มาให้ข้อมูลแล้ว 4 คน มีหนึ่งในนั้นคือ ดีเจกฤษ ส่วนอีก 3 คนไม่มาให้การจึงขอศาลออกหมายจับ และตามจับมาได้แล้ว 1 คน ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนี

โดยในคดีสอบเส้นทางเงิน 53 ล้านบาทของนายพันธ์ธวัช และกลุ่มธุรกิจร้านอาหารกว่า 1,000 ล้านบาท พนักงานสอบสวนเตรียมสรุปสำนวนคดีส่งให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องคดีภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อให้ทันภายในกรอบระยะเวลาฝากขังของผู้ต้องหาที่ถูกจับมาได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565

 

related