svasdssvasds

"หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค" 20 ตัว ยังใช้งานอยู่ รฟท. ยันไม่ได้ทิ้งขว้าง

"หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค" 20 ตัว ยังใช้งานอยู่ รฟท. ยันไม่ได้ทิ้งขว้าง

รฟท. ยัน “หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค” 20 ตัว ลดการแพร่ระบาดโควิด ยังใช้งานบนขบวนรถ-สถานีรถไฟ ไม่ได้ทิ้งขว้าง แต่ใช้เฉพาะช่วงที่ไม่มีคน ป้องกันรังสีกระทบผู้โดยสาร

การรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า รฟท. ได้นำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค (UV-C) ออกมาใช้งานฆ่าเชื้อโรคภายในขบวนรถโดยสาร และสถานีรถไฟอยู่เป็นประจำ โดยนำออกมาในช่วงเวลากลางคืน หรือเวลาที่ไม่มีประชาชนหรือผู้โดยสารอยู่ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสะอาด ปลอดภัย และป้องกันไม่ให้รังสียูวีชี (UV-C) ที่มีความเข้มข้นสูงพิเศษ กระทบต่อผู้โดยสารและประชาชนผู้ใช้บริการ

 ซึ่งที่ผ่านมา รฟท. ได้จัดเก็บรักษาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคไว้เป็นอย่างดี เพื่อรอใช้งานตามวันที่กำหนดไว้ในแผนงาน ไม่ได้มีการวางทิ้งแต่อย่างใด

"หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค" 20 ตัว ยังใช้งานอยู่ รฟท. ยันไม่ได้ทิ้งขว้าง

ปัจจุบัน รฟท. ได้นำหุ่นยนต์ฯ มาใช้งานกับขบวนรถโดยสาร และตามสถานีต้นทาง/ปลายทางต่างๆ ดังนี้

1.​ สถานีกรุงเทพ 4 ตัว

2. ​สถานีเชียงใหม่ 2 ตัว

3.​ สถานีหนองคาย 2 ตัว

4.​ สถานีอุบลราชธานี 2 ตัว

5.​ สถานีชุมทางหาดใหญ่ 2 ตัว

6.​ สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติงานของพนักงาน รฟท. 3 ตัว

7. ​สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 5 ตัว 

 ทั้งนี้หุ่นยนต์ดังกล่าวได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน รวมถึงผู้โดยสารที่ใช้บริการอย่างชัดเจน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เออาร์วี และ เอ.ไอ เทคโนโลยี มอบหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคให้กับกรมควบคุมโรค

• ส่องเทรนด์ดิจิทัลปี 2022 อนาคตของหุ่นยนต์ (Robotics) จะเป็นอย่างไร

• ญี่ปุ่นผลิต หุ่นยนต์ 4 ขา ตัวแรกของโลก เดินได้เอง ขี่ได้เหมือนนั่งบนหลังช้าง

 จากสถิติตั้งแต่นำหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค มาใช้งาน พบว่า จำนวนของผู้โดยสารที่เดินทางรถไฟกว่า 17 ล้านคน ไม่มีผู้โดยสารที่ติดเชื้อโควิด-19 จากการเดินทางโดยรถไฟ หรือมาใช้บริการที่สถานีเลย ถือเป็นความคุ้มค่าในการช่วยป้องกันยับยั้งการแพร่ระบาดในขณะนั้น และช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดความสูญเสียแก่ประชาชน ตลอดจนทำให้รถไฟ ยังเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นที่พึ่งของประชาชน สามารถเปิดให้บริการได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาในช่วงเกิดวิกฤต

 ทั้งนี้หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) ได้เริ่มจัดหาในช่วงปี 2564 ซึ่งอยู่ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสารรถไฟที่ใช้บริการบนขบวนรถ และสถานี

 รวมทั้งดูแลผู้ปฏิบัติงานของ รฟท. ให้ลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดย รฟท. ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 เปิดให้เสนอราคา ประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรม ตามระเบียบอย่างเคร่งครัด มีการสอบราคาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง โปร่งใส ครบถ้วน จนกระทั่งสามารถจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อไวรัสด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย 20 ตัว รวมวงเงิน 96.25 ล้านบาท

.

 สำหรับหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโดยใช้รังสียูวีซี (UV-C) โดยใช้รังสีการฆ่าเชื้อด้วยรังสีอัลตราไวโอเลตชนิด C มีความสามารถในการทำลาย DNA และ RNA ของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและเชื้อโรคต่างๆ ทั้งแบคทีเรีย ไวรัส สปอร์ของเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ได้ดี และมีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายต่อครั้งต่ำกว่าการฆ่าเชื้อโรคโดยวิธีฉีดพ่นสารเคมี และการเช็ดทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอล์ และไม่ทิ้งสารเคมีที่เป็นอันตรายไว้หลังการใช้งาน

 ซึ่งการจัดหาหุ่นยนต์ฯ วงเงิน 96.25 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่แค่มูลค่าเฉพาะหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค 20 ตัว ยังรวมถึงการดูแลบำรุงรักษา การซ่อมแซม และรับประกันตลอด 2 ปีเต็ม และยังรวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ โดยจัดการอบรมการใช้งานหุ่นยนต์ให้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของ รฟท. 30 คน เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถใช้งานหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อฯ ได้จริง อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

"หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค" 20 ตัว ยังใช้งานอยู่ รฟท. ยันไม่ได้ทิ้งขว้าง

 อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการสร้างความกระจ่างชัดเจน ในการจัดหาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรคมาใช้งานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และเชื้อโรคต่างๆ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาติดตาม และประเมินผลการดำเนินการในด้านต่างๆ ของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อแสดงจุดยืนว่า รฟท. ได้ยึดมั่นความโปร่งใส ซื่อสัตย์ มีธรรมาภิบาลในการปฏิบัติงาน ตลอดจนใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัย และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ และประเทศชาติเป็นสำคัญ

related