svasdssvasds

"คาร์ซีท" ควรเลือกใช้แบบไหนเพื่อความปลอดภัย ลดการบาดเจ็บ-เสียชีวิต

"คาร์ซีท" ควรเลือกใช้แบบไหนเพื่อความปลอดภัย ลดการบาดเจ็บ-เสียชีวิต

"คาร์ซีท" ที่นั่งนิรภัย เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็ก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะวิธีเลือกใช้ เพราะสามารถช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตได้

"คาร์ซีท" หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยยึดเหนี่ยวลำตัวเด็ก ไม่ให้พุ่งกระแทกคอนโซลรถ หรืออุปกรณ์อื่นภายในรถ ป้องกันการกระเด็นออกนอกรถเมื่อประสบอุบัติเหตุ หรือเบรกอย่างรุนแรง สามารถช่วยลดการบาดเจ็บรุนแรงและเสียชีวิตได้

 ด้านนายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เผยว่า ประเทศไทยได้ประกาศ พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่13) พ.ศ.2565 มาตราที่ 123 ระบุไว้ว่าคนโดยสารที่เป็นเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ต้องจัดให้นั่งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กหรือนั่งในที่พิเศษสำหรับเด็กเพื่อป้องกันอันตราย หรือมีวิธีป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ และ “องค์การอนามัยโลก(WHO) ได้จัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง “ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก” และ สนับสนุนการใช้ที่นั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ซึ่งสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 70 

 และในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 2560 มีมติเห็นชอบ 12 เป้าหมายโลก สำหรับการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนน โดยในเป้าหมายที่ 8 กำหนดให้มีการเพิ่มสัดส่วนการใช้เข็มขัดนิรภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารยานยนต์หรือใช้อุปกรณ์รัดตึงนิรภัยสำหรับเด็กที่ได้มาตรฐานให้ใกล้เคียงร้อยละ 100” 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ไขปม “คาร์ซีท” ขนส่งฯ ชี้ คาดเข็มขัดนิรภัยก็ได้ ส่วนจับ-ปรับ ตำรวจรับผิดชอบ

• สรุปให้...ดราม่ากฏหมายคาร์ซีท ออกผิดเวลา หรือ ควรมีลูกเมื่อพร้อม

• พาณิชย์ขึ้นบัญชี ‘คาร์ซีท’ เป็นสินค้าต้องติดตาม ห้ามโก่งราคา

วิธีการเลือกที่นั่งนิรภัยที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก

 

1. ควรจัดให้มี ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก และใช้งานอย่างถูกวิธีตลอดเวลาที่โดยสารรถยนต์  

2. เลือกรูปแบบคาร์ซีทและติดตั้งให้เหมาะสมตามช่วงอายุ สรีระ น้ำหนัก ส่วนสูงของเด็ก โดยที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กแรกเกิด-3 ปี ควรใช้คาร์ซีทเป็นที่นั่งแบบปรับให้หันหน้าไปด้านหลังรถ ซึ่งจะปลอดภัยมากที่สุด 

หรือเด็กที่มีอายุ 2-6 ปี สามารถใช้คาร์ซีทเป็นที่นั่งแบบหันมาด้านหน้าได้ ส่วนเด็กที่เริ่มโต ควรใช้บูสเตอร์ซีท เป็นที่นั่งแบบหันมาด้านหน้าใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยปกติ  

3. มีมาตรฐานความปลอดภัย จากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ กรณีเลือกใช้ที่นั่งนิรภัยมือสอง ควรสำรวจสภาพไม่มีรอยบุบหรือแตก สายรัดหรือเข็มขัดมีสภาพดี และอายุการใช้งานไม่ควรเกิน 6 ปี  

4. อ่านคำแนะนำการใช้การติดตั้งอย่างละเอียด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด 

5. สำหรับรถเก๋ง ควรติดตั้งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่เบาะหลัง ไม่ควรติดตั้งที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็กที่เบาะด้านหน้าข้างคนขับ เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัติเหตุเด็กอาจโดนกระแทกจากถุงลมนิรภัยได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ประเภทของเบาะนั่งนิรภัย

• เบาะนั่งนิรภัยแบบเปลเด็กอ่อน (Infant Carrier Seats) เหมาะสำหรับทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน เด็กที่มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม เด็กต้องมีความสูงไม่เกิน 66 เซนติเมตร ติดตั้งเบาะหลังรถ โดยให้หันไปด้านหลังรถ

• เบาะนั่งนิรภัยแบบหันไปด้านหลัง (Rear – Facing Convertible Seats) เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี  เด็กต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 13.6 กิโลกรัม ติดตั้งเบาะหลังรถ โดยให้หันไปด้านหลังรถ ศีรษะเด็กกับขอบเบาะต้องมีระยะห่างไม่ต่ำกว่า 1 นิ้ว

• เบาะนั่งนิรภัยแบบหันไปด้านหน้ารถ (Forward Facing Seats) เหมาะสำหรับเด็กอายุประมาณ 1 – 5 ขวบ ต้องมีน้ำหนักตั้งแต่ไม่เกิน 18.5 กิโลกรัม ติดตั้งไว้บริเวณเบาะหลัง โดยหันไปด้านหน้ารถ ไหล่ของเด็กต้องอยู่ต่ำกว่าช่องเข็มขัดของเบาะนิรภัย

• เบาะนั่งนิรภัยแบบเบาะเสริม (Booster) เหมาะสำหรับเด็กอายุประมาณ 4 – 8 ขวบ เด็กต้องมีน้ำหนัก 18 – 28 กิโลกรัม เด็กต้องมีความสูงประมาณ 142 เซนติเมตร มีเบาะเสริมและพนักพิงหลังที่ช่วยยกลำตัวเด็กให้สามารถคาดเข็มขัดนิรภัยที่ติดตั้งมากับรถ

ข้อควรระวังในการใช้งานคาร์ซีท

• ห้ามวางสิ่งของไว้กับเด็กขณะนั่งเบาะนั่งนิรภัย เพราะหากประสบอุบัติเหตุ เข็มขัดนิรภัยอาจทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ และเด็กอาจได้รับอันตรายจากสิ่งของพุ่งกระแทก

• ไม่ปล่อยให้เด็กเล็กนั่งเบาะนั่งนิรภัยตามลำพัง เนื่องจากสายเข็มขัดนิรภัยอาจรัดคอเด็ก ทำให้ขาดอากาศหายใจเสียชีวิต

• ควรเลือกใช้เบาะนั่งนิรภัยที่ได้มาตรฐานเหมาะสมกับวัยและรูปร่างของเด็ก รวมถึงติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยและจัดให้เด็กนั่งเบาะนั่งนิรภัยอย่างถูกวิธี  จะช่วยปกป้องเด็กไม่ให้ได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิตกรณีประสบอุบัติเหตุ

related