ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุก กปปส. 13 ราย ปิดดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ 2 ขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ปี 56 คนละ 2 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 โทษจำคุกไม่รอลงอาญา
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบขัดขวางรับสมัคร ส.ส.คดีดำ อ.231/2565 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายชานนท์ ขันทอง กับพวกรวม 13 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปก่อความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ
คดีนี้อัยการยื่นฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2556 เวลากลางวันจำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันมีและใช้อาวุธ โดยข่มขู่ ประทุษร้ายเจ้าหน้าที่ โดยใช้รถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง ขว้างปา ยิงลูกแก้ว หัวน็อต ไม้หน้าสาม ก้อนซีเมนต์ตัวหนอน เข้าใส่เจ้าพนักงาน ถอยรถขนขยะชนประตูเพื่อเปิดทางแล้วปิดล้อมประตูทางเข้าที่ 1 และ 2 ของศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง
ก่อนบุกเข้าไปในภาย อาคารกีฬาเวสน์ 2 ปิดล้อมอาคาร ขัดขวางมิให้เจ้าหน้าที่คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่รับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อระหว่างวันที่ 23-27 ธ.ค.56 เวลา 08.30 น.-16.30 น. อันเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษพวกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58,83,90 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณกรรมการเลือกตั้ง พ.ศ.2550
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
• ด่วน! ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง 5 แกนนำ กปปส. พ้นสภาพ ส.ส.
• เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แจงดราม่าสิทธิพิเศษ 8 ผู้ต้องขัง กปปส.ปมเยี่ยมญาติ
• คดี กปปส. ใครถูกศาลตัดสินอย่างไรบ้าง ?
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้ว พิพากษาว่า จำเลยทั้ง 13 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215 วรรสอง , 216 , 365 (1) (2) ประกอบมาตรา 362 , 364 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 43 วรรคสอง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้ง 13 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์และเคหสถาน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้จำคุกคนละ 2 ปี เพิ่มโทษจำเลยที่ 2 หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 8 เดือน
จำเลยที่ 1-9 และที่ 11-13 ให้การในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 4 จำเลยที่ 10 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1, ที่ 3-9 และที่ 11-13 คนละ 18 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 24 เดือน จำคุกจำเลยที่ 10 มีกำหนด 16 เดือน
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มก่อเหตุรุนแรงโดยใช้หนังสติ๊กยิงหัวน็อต ลูกแก้วลูกเหล็ก และขว้างปาก้อนอิฐ ก้อนชีเมนต์ตัวหนอน ประทัดยักษ์ ระเบิดปีงปอง เป็นต้นใส่เจ้าพนักงานตำรวจที่รักษาความสงบเรียบร้อยในที่เกิดเหตุ จำเลยทั้ง 13 ก็ควรเลิกชุมนุมตามที่เจ้าพนักงานตำรวจแจ้งให้เลิก แต่จำเลยทั้ง 13 กลับไม่เลิกชุมนุมแล้วยังบุกรุกเข้ามาในที่เกิดเหตุอีก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลยทั้ง 13
บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13530/2555 จำนวน 3 เดือน และในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 13531/2555 จำนวน 3 เดือน ของศาลแขวงธนบุรี เข้ากับคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 24 เดือน
บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 5 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 336/2555 จำนวน 1 เดือน ของศาลแขวงพระโขนงเข้ากับคดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 5 มีกำหนด 19 เดือน นับโทษจำคุกจำเลยที่ 7 ในคดีนี้ ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ย 704/2563 ของศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 13 คน ประกอบด้วย
• นายชานนท์ ขันทอง
• นายเกียรติศักดิ์ จำชาติ
• นายสมโภช ฤทธิ์สำแดง
• นายชวลิต ถิรายันติกุล
• นายรุจิภาส หรือวิชชุภาส หรือวรัท สุทธิโอภาส
• นายนพคุณ ธนานิรมิต
• นายสุวัฒน์ คำใบ
• นายวิมล แถมพยัคฆ์
• นายสว่างชัย อธิคมพจน์
• นายณัฐพล มาลัยญาติ
• นายนิพนธ์ รักษาบุตร
• นายวิชิต แดงสวัสดิ์
• นางสาวภัณฑิรา หรือนุชนภา ศรีแก้ว