svasdssvasds

หรือเหตุเรือประมงถูกยิง เกี่ยวข้องปัญหาว้าแดง? เมียนมาแข็งกร้าวกว่าเก่า

หรือเหตุเรือประมงถูกยิง เกี่ยวข้องปัญหาว้าแดง? เมียนมาแข็งกร้าวกว่าเก่า

"ท่าทีแข็งกร้าวกว่าเก่าของเขา เป็นท่าทีที่ไม่ปกติ" หรือเหตุการณ์เรือประมงถูกยิงกับปัญหาว้าแดงล้ำเขตจะเกี่ยวข้องกัน? มุมมอง อ.ปณิธาน วัฒนายากร ในวันที่ความสัมพันธ์ชายแดนไทยระอุ

SHORT CUT

  • จากเหตุการณ์เรือรบเมียนมาเข้าสกัดจับกุมเรือประมงไทยที่อ้างว่ารุกล้ำน่านน้ำห่างฝั่ง จ.ระนอง โดยการใช้อาวุธ ทำให้เกิดคำถามว่ากระทำเกินกว่าเหตุไปหรือไม่
  • อ.ปณิธาน นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เชื่อว่า เรื่องนี้ผิดปกติวิสัยของกองทัพเมียนมา เพราะมีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด อาจจะมีเรื่องอื่นแอบแฝง
  • ไทยยืนบนหลักการเจรจาเป็นหลักเป็นท่าทีที่ดีแล้ว เพื่อไม่ทำให้ความขัดแย้งเดินหน้าไปสู่ความรุนแรงที่มากขึ้น

"ท่าทีแข็งกร้าวกว่าเก่าของเขา เป็นท่าทีที่ไม่ปกติ" หรือเหตุการณ์เรือประมงถูกยิงกับปัญหาว้าแดงล้ำเขตจะเกี่ยวข้องกัน? มุมมอง อ.ปณิธาน วัฒนายากร ในวันที่ความสัมพันธ์ชายแดนไทยระอุ

จากเหตุการณ์เรือประมงไทยถูกเรือรบเมียนมาจำนวน 3 ลำเข้าสกัด จับกุมตรวจยึดเรือประมงไปได้ 1 ลำพร้อมลูกเรือ 31 คน และยิงสกัดเรือประมงอีก 2 ลำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการสำลักน้ำ เป็นท่าทีที่รุนแรงที่กำลังพลของกองทัพประเทศเพื่อนบ้านได้กระทำต่อพลเรือนของเรา ในพื้นที่เขตทางทะเลที่ยังไม่มีความชัดเจนและอยู่ห่างฝั่งไทยไปไม่เกิน 12 ไมล์ทะเลเสียด้วยซ้ำ

 

แม้ระยะจากเกาะพยาม ระนอง ถึงเกาะย่านเชือก เมียนมา จะมีการแบ่งเขตแล้วคนละครึ่ง แต่ด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตและการทหารที่มีอย่างดีมาตลอด หากเรือประมงไทยล้ำแดนในเวลากลางคืนจริง เพียงแค่ผลักดันให้กลับมายังฝั่งไทยก็น่าจะเพียงพอแล้วหรือไม่?

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับ SPRiNG ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ปกติวิสัยของกองทัพเมียนมา เชื่อว่าการใช้กำลังอาวุธที่กระทบต่อเรื่องพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านและการที่คืนนั้นมีเรือรบอยู่ถึง 3 ลำ ต้องเป็นคำสั่งที่มาจากระดับสูง ไม่ใช่การสั่งการเฉพาะผู้บังคับบัญชาในพื้นที่เป็นแน่ ไทยจะต้องถอดชวนให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น และต้องควบคุมประมงฝั่งเราไม่ให้ออกไป

 

อ.ปณิธาน ตั้งข้อสังเกต ว่า เรื่องนี้อาจเกิดจากปัญหาการสื่อสารระหว่างผู้นำของเราและผู้นำด้านความมั่นคงของเขา หรืออาจไม่เข้าใจกันเรื่องที่เมียนมาขอความร่วมมือจากเรา กรณีที่ชนกลุ่มน้อยใช้ฐานที่อยู่ในประเทศไทยต่อต้านรัฐบาลเมียนมา แล้วเรายังไม่มีท่าทีชัดเจนในเรื่องนี้

 

ดังนั้นไทยจะต้องสร้างความชัดเจนให้มากขึ้น โดยยึดหลักไม่ขัดแย้งกับใคร สร้างความชัดเจนว่าไทยจะไม่ให้กองกำลังใดใช้พื้นที่รอบข้างในการปฏิบัติการณ์โจมตีประเทศรอบบ้านของเรา และมีโอกาสที่เรื่องนี้จะเกี่ยวพันกับสถานการณ์กลุ่มว้าแดงฝั่งชายแดน จ.แม่ฮ่องสอน เพราะชนกลุ่มน้อยมักใช้พื้นที่ตะเข็บชายแดนที่ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในการเตรียมการโจมตี

“มันเป็นการส่งสัญญาณ เป็นการกดดัน ไม่ว่ามันจะคนละประเด็นและคนละหน่วย ทางทะเลกับทางบก แต่น่าจะเป็นอาการกดดัน ในส่วนที่เขามองว่าชนกลุ่มน้อยหลายส่วน เข้ามาพึ่งพิงไทยแล้วใช้ความได้เปรียบตรงนี้โจมตี ทําให้เขาเสียหาย ทำให้เสียการควบคุมไปเยอะ มาจากเรื่องทางการทหารที่เรียกว่า Stating Area หรือพื้นที่เตรียมการโจมตีที่อยู่ในแนวของเรา เป็นเรื่องวิกฤตของทหารเมียนมา แล้วใช้ประเด็นพวกนี้มากดดันเรา”

 

โดย อ.ปณิธาน ยังสนับสนุนแนวทางของไทยที่เน้นการเจรจากับทุกส่วนในการแก้ไขปัญหา และไม่มีท่าทีที่แข็งกร้าวตอบโต้กลับไป เพราะรังจะนำพามาแต่ความเสียหาย ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกันมากที่สุด การเจรจาจนได้ข้อยุติจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย