svasdssvasds

เปิดรายได้ สว. อยู่ครบใช้ภาษีไม่ต่ำ 3 พันล้านบาท สวัสดิการพรึบ

เปิดรายได้ สว. อยู่ครบใช้ภาษีไม่ต่ำ 3 พันล้านบาท สวัสดิการพรึบ

อยากรู้เงินเดือน สว. เท่าไหร่? สว. 1 คน รับ 113,560 บาท/เดือน! การเลือก สว. 200 คน ใช้งบ 1.5 พันล้านบาท สูงขึ้นจากเดิม สรุปค่าใช้จ่ายและสวัสดิการครบ

SHORT CUT

  • การได้มาซึ่ง สว. 200 คนในชุดปัจจุบัน ใช้ งบประมาณรวม 1,516.41 ล้านบาท ซึ่ง เพิ่มขึ้นจากชุดก่อน 213.39 ล้านบาท
  • สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 1 คน ได้รับ เงินเดือนรวมเดือนละ 113,560 บาท
  • นอกจากเงินเดือน สว. ยังสามารถตั้งผู้ช่วยได้ 8 คน ซึ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายรวม และมีสวัสดิการอื่นๆ หาก สว. ดำรงตำแหน่งครบ 5 ปี ค่าใช้จ่ายรวมด้านเงินเดือน สวัสดิการ และผู้ช่วย อาจสูงถึง ประมาณ 2.9 - 3 พันล้านบาท

อยากรู้เงินเดือน สว. เท่าไหร่? สว. 1 คน รับ 113,560 บาท/เดือน! การเลือก สว. 200 คน ใช้งบ 1.5 พันล้านบาท สูงขึ้นจากเดิม สรุปค่าใช้จ่ายและสวัสดิการครบ

ในห้วงเวลาที่เรากำลังจะได้เห็นโฉมหน้าของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดที่ 13 ซึ่งถือเป็นชุดแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่มาจากการ "เลือกกันเอง" ของผู้สมัคร 20 กลุ่มอาชีพ คำถามเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ประชาชนผู้เสียภาษีต้องแบกรับเพื่อ "สภาสูง" นี้ก็ดังขึ้นตามมานี่คือการสำรวจเชิงลึกจากข้อมูลที่มีอยู่ เพื่อพิจารณาว่า การลงทุนไปกับผู้ทรงเกียรติเหล่านี้ มีมูลค่าเท่าไร และความคุ้มค่าอยู่ตรงไหน

การจะได้มาซึ่ง สว. ชุดปัจจุบันนั้น ไม่ใช่เรื่องฟรีๆ งบประมาณที่ใช้ในการเลือก สว. ชุดที่ 13 นี้สูงถึง 1,516.41 ล้านบาท ตัวเลขนี้ เพิ่มขึ้นจากชุดก่อนถึง 213.39 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 16.38. เมื่อเฉลี่ยดูแล้ว ค่าใช้จ่ายในการได้มาซึ่ง สว. เพียง 1 คน ตกอยู่ที่ 7.58 ล้านบาท ซึ่งก็ เพิ่มขึ้นจาก สว. ชุดก่อนถึง 2.36 ล้านบาทต่อคน เลยทีเดียว คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45.47 ของงบประมาณเพื่อให้ได้มาซึ่ง สว. 1 คนในปี 2562. สรุปง่ายๆ คือ แค่ขั้นตอนการเลือก สว. ชุดนี้ ก็ใช้งบไปกว่า 1.5 พันล้านบาท และแพงกว่าเดิมถึงกว่า 200 ล้านบาท. งบประมาณมหาศาลนี้มาจากหลายส่วน ทั้ง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 (ร้อยละ 79.06), งบกลาง (ร้อยละ 14.98), และเงินคงเหลือของ กกต.

เมื่อได้ สว. มาครบ 200 คนแล้ว ภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนก็เริ่มต้นขึ้น สว. แต่ละท่านได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน
 

ประธานวุฒิสภา ได้รับรวม เดือนละ 119,920 บาท (เงินประจำตำแหน่ง 74,420 บาท + เงินเพิ่ม 45,500 บาท)

รองประธานวุฒิสภา ได้รับรวม เดือนละ 115,740 บาทต่อคน (เงินประจำตำแหน่ง 73,240 บาท + เงินเพิ่ม 42,500 บาท)

สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทั่วไป ได้รับรวม เดือนละ 113,560 บาทต่อคน (เงินประจำตำแหน่ง 71,230 บาท + เงินเพิ่ม 42,330 บาท) เงินประจำตำแหน่งและเงินเพิ่มนี้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ กกต. ประกาศผลการเลือก และจะยังคงได้รับต่อไปจนกว่าจะมี สว. ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ หลังจากที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามวาระ 5 ปี

เมื่อคิดรวมทั้งสภา (ประธาน 1 คน, รองประธาน 2 คน, สว. 197 คน) ประเทศไทยต้องจ่ายเงินเดือนให้ สว. รวมกันถึง 22,722,720 บาท หรือ 22,720,540 บาท ต่อเดือน. คิดเป็น ปีละ 272,672,640 บาท. และหาก สว. อยู่ครบวาระ 5 ปีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด เฉพาะค่าตอบแทนของ สว. อย่างเดียว จะใช้เงิน รวมทั้งสิ้น 1,363,363,200 บาท

แต่นี่ยังไม่ใช่ค่าใช้จ่ายทั้งหมด สว. แต่ละท่านยังสามารถตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงานได้อีก 8 คน ซึ่งผู้ช่วยเหล่านี้ก็มีค่าตอบแทนเช่นกัน: ผู้เชี่ยวชาญ 1 คน (24,000 บาท/เดือน), ผู้ชำนาญการ 2 คน (คนละ 15,000 บาท, รวม 30,000 บาท), และผู้ช่วยดำเนินการ 5 คน (คนละ 15,000 บาท, รวม 75,000 บาท). รวมแล้วค่าตอบแทนผู้ช่วยต่อ สว. 1 คน คือ 129,000 บาทต่อเดือน
เมื่อรวมค่าตอบแทนของ สว. เข้ากับค่าตอบแทนผู้ช่วยทั้ง 8 คน: ประธานวุฒิสภา (รวมผู้ช่วย): 248,920 บาทต่อเดือน รองประธานวุฒิสภา 1 คน (รวมผู้ช่วย): 244,740 บาทต่อเดือน สมาชิกวุฒิสภา 1 คน (รวมผู้ช่วย): 242,560 บาทต่อเดือน

คิดเป็นค่าใช้จ่าย รวมทั้งสภา 200 คน (รวมผู้ช่วยทั้งหมด 1,600 คน) ถึง 48,522,720 บาทต่อเดือน หรือ ปีละ 582,272,640 บาท และหากอยู่ครบ 5 ปี งบประมาณส่วนนี้จะพุ่งสูงถึง 2,911,363,200 บาท โดยสรุปคือ นอกเหนือจากงบ 1.5 พันล้านบาทที่ใช้เลือกแล้ว การดำรงตำแหน่ง 5 ปี ยังต้องใช้งบอีกเกือบ 3 พันล้านบาท (รวมผู้ช่วย)

นอกจากเงินเดือนและค่าตอบแทนผู้ช่วยแล้ว สว. ยังมีสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เบี้ยประชุมกรรมาธิการ (ประธาน 1,500 บาท/ครั้ง, ร่วมประชุม 1,200 บาท/ครั้ง, อนุกรรมาธิการ 800 บาท/ครั้ง), ค่าเดินทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (มีทั้งเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าทำความสะอาดเสื้อผ้า ค่าใช้สอยเบ็ดเตล็ด), ค่ารักษาพยาบาล ที่ครอบคลุมสูงมาก ทั้งผู้ป่วยใน (ค่าห้อง ค่า ICU ค่ารักษาทั่วไป ค่าผ่าตัด ค่าเยี่ยมไข้ ค่าปรึกษาแพทย์), ผู้ป่วยนอก, ทันตกรรม, คลอดบุตร, อุบัติเหตุฉุกเฉิน, และ ค่าตรวจสุขภาพประจำปี

และที่น่าสนใจคือ แม้ สว. จะไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญแบบข้าราชการ แต่พวกท่านก็มี "กองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา" ซึ่งคล้ายกองทุนประกันสังคม. กองทุนนี้จะจ่าย เงินทุนเลี้ยงชีพ ให้กับอดีต สว. ตามระยะเวลาที่เคยดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่ 9,000 ถึง 35,600 บาทต่อเดือน. นอกจากนี้ยังได้รับเงินช่วยเหลืออื่นๆ อีก เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินช่วยเหลือกรณีทุพพลภาพ กรณีถึงแก่กรรม และการให้การศึกษาบุตร. ปิดท้ายด้วยสิทธิพิเศษที่สามารถ ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้อีกด้วย

ด้วยค่าใช้จ่ายและสิทธิประโยชน์ที่มากมายเหล่านี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่เกิดคำถามขึ้นในสังคมว่า เงินและสวัสดิการเหล่านี้ "มากเกินไป" หรือไม่? เพราะแม้ สว. จะมีหน้าที่สำคัญ เช่น บทบาทในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ก็มีเสียงสะท้อนว่าภาระงานอาจไม่ได้มากถึงขนาดนั้น. บางส่วนถึงกับตั้งคำถามไปไกลกว่านั้นว่า จริงๆ แล้วเราอาจไม่จำเป็นต้องมี สว. เลยก็ได้ และเสนอให้ไทยใช้ระบบสภาเดี่ยว (มีเพียงสภาผู้แทนราษฎร) แทน

การได้มาซึ่ง สว. ชุดปัจจุบันใช้งบประมาณกว่า 1.5 พันล้านบาท และตลอดระยะเวลา 5 ปีในการดำรงตำแหน่ง (รวมค่าตอบแทนผู้ช่วย) ต้องใช้งบอีกเกือบ 3 พันล้านบาท นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์และสวัสดิการอื่นๆ อีกมากมาย งบประมาณมหาศาลนี้มาจากภาษีของประชาชน

คำถามที่ค้างคาคือ การลงทุนใน "สภาสูง" นี้ ให้ผลตอบแทน หรือ "ความคุ้มค่า" แก่ประชาชนผู้เสียภาษีในระดับที่สมเหตุสมผลกับเม็ดเงินที่จ่ายไปหรือไม่? หลังจากนี้คงต้องจับตาดูการทำงานของ สว. ชุดใหม่ว่า จะสามารถพิสูจน์คุณค่าและลบข้อครหาเรื่องค่าตอบแทนและสวัสดิการที่ดูเหมือนจะ "มากเกินไป" นี้ได้หรือไม่ หรือนี่คือ "การลงทุน" ที่ประชาชนต้องแบกรับไปเรื่อยๆ โดยไม่เห็นผลตอบแทนที่ชัดเจน?

อ้างอิง

TheMatter / สว.2567 /

related