svasdssvasds

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

"ฮุนเซน" พ่นพิษคลิปเสียงโทรศัพท์ เขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล แถลงตำหนิมารยาททางการทูตกัมพูชา ขณะที่พรรคการเมือง-ภาคประชาชนเรียกร้องนายกรัฐมนตรี "ลาออก"

การเมืองไทยกำลังวุ่นวาย ในห้วงเวลาที่มีกระแสข่าวการปรับ ครม. และทวงคืนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยคืนจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งแน่นอนว่าภูมิใจไทยก็มีท่าทีที่จะไม่ยอมรับการปรับ ครม. ครั้งนี้ ประกอบกับเหตุการณ์ที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาปล่อยคลิปเสียงเจรจาทางโทรศัพท์กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทำให้พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เมื่อค่ำวันที่ 18 มิถุนายน 2568 โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีไทยส่งผลกระทบต่ออธิปไตย ดินแดน และผลประโยชน์ของประเทศไทย รวมทั้งกองทัพไทย และรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทุกคนส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป และนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 แถลงลาออกจากตำแหน่งในเวลา 8.30 น. ของวันที่ 19 มิถุนายนเช่นกัน โดยกล่าวว่าเป็นมารยาทและบรรทัดฐานทางการเมือง นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทยยังได้เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของชาติ รวมทั้งประชาชนและกองทัพไทย

 

 

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

พรรคประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภา

เมื่อเวลา 09.00 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าวที่รัฐสภา โดยกล่าวว่า เหตุการณ์คลิปเสียงโทรศัพท์เป็นฟางเส้นสุดท้ายของนายกฯ ที่ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนไปจนหมดสิ้น พร้อมเสนอให้นายกฯ ใช้อำนาจในการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ เป็นทางออกเดียวที่รัฐบาลจะแสดงความชอบธรรมตามกลไกของประชาธิปไตย พร้อมย้ำว่าการปฏิวัติ รัฐประหาร ไม่ใช่ทางออก ขอประชาชนอย่าให้อารมณ์เลยเถิดไปถึงจุดนั้น

ส่วนถ้าประกาศยุบสภา พรรคประชาชนพร้อมเลือกตั้งทันทีและพร้อมผลักดันกฎหมายทุกฉบับ ย้ำหน้าที่กองทัพเป็นการปกป้องประเทศ ส่วนการสื่อสารเป็นหน้าที่ของรัฐบาลพลเรือน

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

ทสท. แถลงการณ์ให้นายกรัฐมนตรี “ลาออก” จากตำแหน่ง

พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ โดยมีเนื้อหาว่า

"จากการที่ปรากฏคลิปเสียงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สนทนาทางโทรศัพท์กับอดีตผู้นำกัมพูชา ซึ่งได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะต่ออธิปไตยแห่งราชอาณาจักรไทย

กระทบเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศ และกองทัพไทย

โดยกล่าวว่า “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝั่งตรงข้ามกับเรา”

ทั้งที่กองทัพได้ทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่ แต่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกลับมากล่าวหาแม่ทัพแห่งกองทัพไทยว่าเป็นคนของฝั่งตรงข้าม

แสดงให้เห็นถึงการไร้ภาวะผู้นำ และขาดวุฒิภาวะทางการเมืองของนายกรัฐมนตรี จนสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า สมควรที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต้องรับผิดชอบทางการเมือง ด้วยการ "ลาออก" จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงสปิริตเยี่ยงนักการเมืองที่ดี และต้องไม่ใช้อำนาจ หรือกระทำการใด ๆ ที่กระทบต่อสภาผู้แทนราษฎร หรือหน่วยงาน หรือบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

อนึ่ง พรรคไทยสร้างไทยขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกดังที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อปกปักรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่ใช่ประโยชน์ของกลุ่มตระกูลใดหรือบุคคลใด"

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

ประธาน กมธ.ทหาร วุฒิสภา เรียกร้องนายกฯ ลาออก

เช่นเดียวกับ พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมคณะกรรมาธิการออกแถลงการณ์ ต่อเนื่องฉบับที่ 3 เรียกร้อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำประเทศไทยต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ระบุ "เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน"

"แถลงการณ์คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ร่วมกับ สมาชิกวุฒิสภา ฉบับที่ 3 เรื่อง ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์พิพาทบริเวณแนวชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อ วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ได้ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำฝ่ายกัมพูชา และแสดงความไม่สบายใจต่อพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำ โดย คณะกรรมาธิการ ได้เรียกร้องให้เปิดอภิปรายทั่วไป เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา นั้น

คณะกรรมาธิการ คาดหวังว่า ผู้นำรัฐบาลจะรับรู้ได้ด้วยจิตสำนึก และระลึกได้ว่า ตนเองคือ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อวานนี้ เวลา 14.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกมา แถลงยอมรับว่า คลิปเสียงที่เผยแพร่ออกมานั้นเป็นคลิปเสียงของตนสนทนากับสมเด็จฮุนเซนจริง โดยมีเนื้อหาพาดพิงถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า "เป็นคนของฝ่ายตรงข้าม" รวมทั้งเป็นการด้อยค่า ไม่ให้เกียรติทหาร และกองทัพ ที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตย และบูรณะภาพแห่งดินแดน อีกทั้งการสนทนาเป็นลักษณะการยินยอมอ่อนข้อและอ่อนน้อม ให้กับอริราชศัตรูผู้รุกรานต่อแผ่นดินไทย โดยได้แสดงท่าที ที่พร้อมจะตอบสนองความต้องการ ที่สมเด็จฮุนเซนเรียกร้อง การกระทำของผู้นำรัฐบาลเช่นนี้ ทำให้ประเทศชาติเสียหายอย่างใหญ่หลวง และประชาชนคนไทยหมด ความเชื่อถือ ศรัทธา เพราะที่ผ่านมาพฤติการณ์ของ ผู้นำรัฐบาล ล้วนส่อไปถึง ความเป็นคนไม่รักชาติ (บ่งบอกความเป็นคนทรยศขายชาติ) บัดนี้ ความอดทนของคนในชาติ ได้สิ้นสุดลงแล้ว จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจาก ผู้นำรัฐบาลที่ด้อยความสามารถ ขาดประสิทธิภาพ ขาดภาวะผู้นำ ประเทศชาติขาดความเป็นปึกแผ่น ไร้ศักดิ์ศรีและเกียรติภูติภูมิ คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา จึงขอเรียกร้องให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทยต้องเสีย เกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ ประชาชน และกองทัพ ด้วยการลาออกจาก ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนทุกภาคส่วน รับฟังข่าวสารที่เกิดขึ้นอย่างมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวสารที่เป็นข่าวปลอม เพื่อปลุกปั่นให้เกิดความเข้าใจผิดจากผู้ไม่หวังดี เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ให้เกิดความวุ่นวายและขอให้ประชาชนร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความสงบ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ประเทศชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

คณะกรรมาธิการการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมทั้งสมาธิกวุฒิสภา ได้ตระหนักในบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบ ต่ออธิปไตย และความมั่นคงของชาติ ด้วยการทำหน้าที่ เพื่อประเทศชาติและประชาชนคนไทย ให้ดีที่สุด และพร้อมจะยืนเคียงคู่กับประชาชน ข้าราชการทุกหมู่เหล่า และกองทัพ เพื่อดำรงรักษาอธิปไตย และประเทศชาติอย่างสุดกำลัง

"เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่นอน"

ด้วยความเคารพและห่วงใย"

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

ยื่น ป.ป.ช.-กกต. สอบนายกฯ

09.30 น. มีรายงานว่า นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ไปยื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่ามีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) หรือไม่

ขณะที่นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจว่าจะไปยื่นหนังสือที่ ป.ป.ช. ร้องสอบจริยธรรมร้ายแรงต่อนายกรัฐมนตรีในเวลา 10.00 น.

เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เชิญชวนประชาชนออกมาร่วมชุมนุมขับไล่นายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น.

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

“หนูนา” เชื่อมั่นชาติไทยพัฒนา ไม่สนับสนุนคนที่เสมือนทรยศชาติ

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์โซเชียลส่วนตัว โดยมีเนื้อหาว่า

"ณ วันนี้.. ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว…

แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทย …ที่รักแผ่นดินเกิด…

จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอด เหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อชาติศาสน์ กษัตริย์…

และเชื่อว่าน้องชายดิฉันก็เช่นกัน …

แม้ที่ผ่านมา เขาจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ…

วันนี้…ดิฉัน…แม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่…

ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรค จะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนคนใด

การกระทำใด ที่เสมือนทรยศต่อประเทศชาติ…

แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอน…ต้องยิ่งใหญ่เสมอ…

ทำในสิ่งที่ควรทำ"

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

“เก่ง การุณ” แนะ อย่าให้กัมพูชาปั่นหัวคนไทย หวังให้ทะเลาะกันเองจนเสียหลัก

นายการุณ โหสกุล อดีตประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงสถานการณ์ภายหลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเชน ประธานวุฒิสภา กัมพูชา ว่า

"ดราม่าเขมร ฮุนเซ็นการละคร แต่เรียกร้องให้ยุบสภาไทย เขมรยิ้มหนักกว่าเดิม

แผนเขมรสำเร็จ ปั่นไทยแตกกันเองทั้งประชาชน นักการเมือง ทหาร รัฐบาลเสียความเชื่อมั่น ผู้นำดูอ่อนแอ ไม่มีใครฟังใคร เละทั้งระบบ

ถ้ายุบสภาจริง กว่าจะมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง กว่าจะหาเสียง กว่าจะจัดเลือกตั้งอีกที ไม่ต่ำกว่าสองเดือน เท่ากับไทยจะเข้าสู่สุญญากาศทางอำนาจ ไม่มีตัวแทนเจรจา โอกาสแบบนี้แหละที่เขมรรออยู่ และถ้ามีรัฐประหารขึ้นมาจริงๆ ยิ่งเข้าทางเขมร เพราะทันทีที่ไทยกลายเป็นรัฐบาลทหาร ความช่วยเหลือจากนานาชาติก็หายหมด เหลือแต่ความโดดเดี่ยว ถ้ารบกันขึ้นมาจริง ศาลโลกก็มีข้ออ้างทันทีในการตัดสินให้ไทยเสียเปรียบ เพราะฝั่งเขมรกำลังฟ้องไทยอยู่ และอยากให้โลกเห็นว่าไทยเป็นฝ่ายรุกราน

คลิปเสียงที่ปล่อยออกมา เขมรไม่ได้ปล่อยเพราะเสียเปรียบ แต่เพราะรู้ว่าจะใช้ปั่นกระแสในไทยได้ เขารู้ดีว่าคนไทยบางกลุ่มพร้อมจะตีความทุกอย่างเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล

“ลองฟังดีๆ ผู้นำไทยไม่ได้ขายชาติเลยแม้แต่นิด แค่พยายามเจรจา ทำให้สถานการณ์สงบลง เลยยอมพูดดี ๆ  เพื่อให้เขมรใจเย็น เปิดด่านให้คนชายแดนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ และเขาทำสำเร็จด้วย เพราะฮุนเซนเห็นด้วยแล้ว ถ้าไม่ดัดจริตจนเกินไป เรื่องยกหูคุยกันของผู้นำประเทศเป็นเรื่องปกติ และคุยกันโหดกว่านี้อีก ไม่เชื่อก็ไปอ่านใน Wikileaks ดูก็ได้ แต่นี่เขมรกลับเอาคลิปเจรจาส่วนตัวมาเผยแพร่ ใครทำแบบนี้ได้ถ้าไม่ไร้มารยาททางการเมือง? ถ้าเพื่อนเราคุยกันแล้วอัดคลิปปล่อย เรายังโกรธเลย แต่นี่คือผู้นำประเทศ เป็นเรื่องความมั่นคงของชาติ”

อย่าโกรธผู้นำไทยเพียงเพราะไม่ชอบส่วนตัว แต่ต้องโกรธคนที่ไม่มีมารยาท ปั่นหัวคนไทย หวังให้เราทะเลาะกันเองจนเสียหลัก แล้วเขาจะได้ประโยชน์ ถามจริง…เราจะยอมให้เขมรปั่นหัวกันง่ายๆ แบบนี้จริงเหรอ? เขมรจะคบได้กี่โมง?"

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

"นฤมล" ประกาศพรรคกล้าธรรม ประกาศหนุนนายกฯ และกองทัพทำงานต่อ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ว่าการเมืองจะอยู่ในสถานการณ์ใด กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็มีข้าราชการประจำทำงานตามนโยบายหลักในการดูแลเกษตรกรอยู่แล้ว ไม่น่าจะมีอะไรที่ต้องเป็นกังวล และคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้ทุกท่านสบายใจได้ เวลาเช่นนี้เป็นเวลาที่เราต้องสามัคคีกัน เราเป็นผู้ถูกกระทำ และอาจจะกำลังจะหลงเกมของเขาหรือไม่ เราต้องหันมามองหน้ากัน เราอยู่ในประเทศเดียวกันก็ต้องรักกัน ต้องปกป้องกันเอง เพื่อไปต่อสู้กับเขา

พร้อมย้ำว่าตอนนี้ต้องให้กำลังใจกองทัพ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหารที่อยู่แนวหน้า เข้าใจว่าสถานการณ์มีความตึงเครียด ก็อย่าเพิ่งเพิ่มความเครียดให้กับกองทัพ เราต้องสามัคคีกันด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทหารที่ต้องทำงานอยู่แนวหน้า เขาจะได้นอนหลับ มีแรงต่อสู้ปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย

ทั้งนี้ นางนฤมลยังกล่าวอีกว่า ทุกคนมีจุดยืนเดียวกันหมด เราเกิดมาในประเทศไทย ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคนหวงแหนรักษาอธิปไตยของไทย ไม่มีคนไทยคนใดที่อยากเสียอธิปไตย และพรรคยังสนับสนุน น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ และพร้อมยืนอยู่ข้างคนไทยและกองทัพ  

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

"ทวี" ย้ำชัดประชาชาติร่วมรัฐบาลต่อ ไม่สนคลิปเสียงฮุนเซน

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า วันนี้เราในฐานะรัฐบาลขอให้กำลังใจเพราะในเรื่องมิติของความมั่นคงของทหาร รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ได้มีการพูดคุยกันเราจะต้องทำให้ประชาชนมีความเชื่อใจในการปกป้องเอกราช ที่สำคัญก็คือขณะนี้เราคงต้องมีมาตรการเพื่อให้คนไทยมีความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล พร้อมยืนยันชัดเจนว่า จุดยืนท่านนายกฯ ได้มีการแถลงไปแล้วเราต้องทำหน้าที่ให้ประเทศมีความมั่นคง ปลอดภัย ขอให้กำลังใจทั้งทหารและทุกฝ่าย ในการทำหน้าที่นี้ และในฐานะรัฐบาลวันนี้ก็คงมีมาตรการให้เห็นว่าให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น นายกฯ ยืนยันในที่ประชุมเราต้องการจะปกป้องประเทศ เรามีความเข้มแข็งอยู่แล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลมีเสียงหายไป 69 เสียงจากพรรคภูมิใจไทยมีผลต่อการโหวตงบประมาณอาจจะทำให้กฎหมายผ่านหรือไม่ผ่านนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าต้องส่งสัญญาณให้สส.ฝ่ายรัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อสภาถ้าเราเข้าครบเสียงก็เกิน

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

กต.ยื่นหนังสือประท้วงปมกัมพูชาปล่อยคลิปเสียงนายกฯ 

นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงตอบโต้ต่อสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ตามที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัว ระหว่าง น.ส.แพทองธาร และอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่า การกระทำของอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซนดังกล่าว เป็นการกระทำที่ขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ที่ไม่สามารถยอมรับได้ และเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ที่ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ 2 ประเทศ และความพยายามการใช้กลไกทวิภาคีแก้ปัญหา 2 ฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล รวมถึงการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังระบุว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติตามแนวปฏิบัติสากลของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น ในวันนี้ (19 มิ.ย.) จึงได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับทราบหนังสือประท้วงจากการกระทำดังกล่าว เพื่อแจ้งว่า การกระทำดังกล่าวไม่สามารถยอมรับได้ ผิดมารยาทพื้นฐานการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง การดำเนินการของฝ่ายไทย และการตอบโต้ เป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต โดยใช้จารณญาณ มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินอย่างเป็นทางการ 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวอีกว่า ได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลประชาชนในกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว พร้อมย้ำว่า เรื่องดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต ซึ่งเป็นเรื่องระหว่างรัฐบาล 2 ฝ่าย ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชน 2 ประเทศ ซึ่งต่างจากกัมพูชา ที่ใช้การสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย มุ่งหวังเพื่อปลุกระดม สร้างความนิยมจากความแตกแยกให้กับประชาชน 2 ประเทศ แสดงถึงการไม่เคารพหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และไม่ควรได้รับการยอมรับ และไม่ควรได้รับความไว้วางใจจากประชาคมระหว่างประเทศ 

ส่วนการแถลงข่าวตอบโต้ครั้งนี้ เป็นไปตามคำสั่งหรือรัฐบาลหรือไม่นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังยืนยันว่า การแถลงครั้งนี้ เป็นไปตามแนวปฏิบัติสากลในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ ไม่ว่าใครเป็นนายกรัฐมนตรี หรือดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ควรได้รับความเคารพและให้เกียรติ การดำเนินการของกัมพูชา จึงเป็นการไม่ให้เกียรติไทย ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของหลักการที่กระทรวงการต่างประเทศรับไม่ได้ จึงไม่ได้ทำตามคำสั่งจากใคร 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ  ยังย้ำถึงการดูแลประชาชนคนไทยในกัมพูชาว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้ติดต่อประสานงานกับคนไทยในกัมพูชาอย่างใกล้ชิด และการดำเนินการทางการทูตของไทย เป็นการดำเนินการโดยมีวิจารณญาณ จึงเชื่อว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบกับคนไทยในกัมพูชา แต่ก็ได้มีการเตรียมมาตรการในการดูแลไว้แล้ว 

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

นายกแถลงขอโทษ ย้ำรัฐบาลกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน

น.ส.แพทองธาร แถลงข่าวที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และพล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน และขออภัยประชาชนในกรณีที่มีคลิปเสียงที่คุยกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น และทำให้เกิดความไม่สบายใจ และตนเองได้คุยกับกองทัพและ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แล้ว พร้อมอธิบายถึงเจตนาในการสื่อสารว่าเป็นเทคนิคในการเจรจาเพื่อทำความเข้าใจเพื่อนำไปสู่การเจรจาต่อรองให้สถานการณ์สงบลงไม่ทราบว่ามีการอัดคลิปและเผยแพร่ และกองทัพก็รับฟังบอกว่า วันนี้ต้องร่วมมือกัน ต้องผนึกกำลังแล้ว และระบุว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ หรือรัฐบาลกับกองทัพ

"นี่คือภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ...ดิฉันขออภัยในความไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปแบบนี้เกิดขึ้น หลังจากนี้ดิชั้นจะระวังในการพูดคุยให้มากขึ้น...ไม่ใช่เวลาที่เรามาสู้กันเอง รัฐบาลกับกองทัพเป็นหนึ่งเดียวกัน อยากให้ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกับเราด้วย"

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังย้ำว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ เราตั้งใจจะทำร่วมกัน การที่เราจะออกมาทำอะไร หรือตัดสินใจ เราต้องคำนึงถึงคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาและประชาชนตรงชายแดนด้วย อันนี้คือสิ่งที่เราต้องให้ความมั่นใจกับประชาชน

รวมความเคลื่อนไหวทางการเมือง หลังปมคลิปเสียงนายกฯ-ฮุนเซน

ประธาน กมธ.ต่างประเทศ ประณามกัมพูชา

ด้าน น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ และสส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาดังนี้

"ดิฉันขอประณามต่อพฤติกรรมของเหล่าผู้นำประเทศกัมพูชาที่ขาดความยับยั้งช่างใจ ทำลายมิตรภาพ ทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจต่อกันที่ทั้งสองประเทศสั่งสมมาอ อีกทั้ง ยังยั่วยุสร้างความเกลียดชังระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ 

เจตนารมณ์สูงสุดของรัฐบาลไทยต่อสถานการณ์ขณะนี้ คือ เร่งคลี่คลายความตึงเครียดผ่านการเจรจาอย่างสันติ โดยยึดอธิปไตย ความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองประเทศเป็นที่ตั้ง 
มากไปกว่านั้น คือ การยับยั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ประชาชนจะต้องแบกรับโดยตรง 

ปัญหาแนวชายแดนเป็นเรื่องที่กลุ่มผู้นำกัมพูชา นำมาปลุกปั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่มิได้ทำเพื่อประชาชนของตัวเองอย่างแท้จริง 

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยสงครามในภูมิภาคต่างๆ การเมืองโลกและเศรษฐกิจที่ซบเซา นานาชาติน้อยใหญ่ต่างพากันปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ และภูมิภาคอาเซียน คือ หนึ่งในภูมิภาคที่มีศักภาพที่สุด

ดังนั้น อย่าตัดโอกาสของประชาชน

ดิฉันขอเรียกร้องให้ผู้นำกัมพูชาทำตัวเป็นพลเมืองอาเซียนที่สร้างสรรค์ อย่าสร้างความลำบากใจให้เพื่อนบ้าน และเป็นตัวถ่วงของภูมิภาค นี่คือ สิ่งที่ผู้นำของประเทศควรคำนึงมากที่สุด ถ้าเห็นแก่ประเทศ ประชาชน และส่วนรวม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ยึดเป็นที่ตั้งตลอดมา"

related