จับตา แพทองธาร ชินวัตร เข้ารับการไต่สวนจากศาลรัฐธรรมนูญ ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ก่อนลุ้นผลชี้ขาด 29 ส.ค.นี้
วันที่ 21 ส.ค. 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลกรณีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของส.ว.จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร และสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา
วันที่ 21 ส.ค. 68 ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดไต่สวนพยานบุคคลจำนวน 2 ปาก คือ ผู้ถูกร้องและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 21 ส.ค. เวลา 10.30 น. พยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกหากไม่มาตามกำหนดนัดถือว่าไม่ติดใจเป็นพยานบุคคล และให้ผู้ร้องหรือผู้ถูกร้อง ที่ประสงค์จะแถลงการณ์ปิดคดี ให้ยื่นเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันที่ 27 ส.ค. หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่น
โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น.นัดฟังคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์และศาลรัฐธรรมนูญจะอนุญาตให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนและฟังคำวินิจฉัยเป็นรายบุคคล
ก่อนการไต่สวน นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงว่าคดีนี้เกี่ยวพันกับความมั่นคงของประเทศ จึงไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดภาพและเสียง ขณะสอบปากคำ อีกทั้งห้ามผู้เข้าฟังนำข้อความจากการไต่สวนไปเผยแพร่ หรือ บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย อันอาจสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม
จากการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าร่วม ฝ่ายผู้ร้องคือ ประธานวุฒิสภา มอบฉันทะให้ผู้แทนเดินทางมาศาล ได้แก่ พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา, พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร, นายชนินทร์ แก่นหิรัญ, นายตฤณ แก่นหิรัญ และนายอมร สุวรรณโรจน์
ส่วนผู้ถูกร้องคือ น.ส.แพทองธาร เดินทางมาด้วยตัวเอง พร้อมพยานบุคคลคือ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
ศาลได้มอบหมายให้ นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ เป็นผู้ดำเนินการไต่สวน มีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านอื่นร่วมซักถาม
โดย นายวิรุฬห์ เริ่มไต่สวน นายฉัตรชัย เป็นพยานปากแรก พร้อมทั้งขอให้ น.ส.แพทองธาร ออกไปรอด้านนอกห้องพิจารณา ทั้งนี้ หากฝ่ายผู้ร้อง หรือ ทนายฝ่ายใดประสงค์จะซักถามพยาน ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน
เดิมทีศาลกำหนดให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีในวันที่ 27 ส.ค. 2568 และนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และ ลงมติในวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.30 น. ก่อนอ่านคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น.
แต่เพื่อให้ตุลาการมีเวลาเพียงพอ ในการจัดทำคำวินิจฉัยส่วนตนอย่างรอบคอบ ศาลจึงใช้อำนาจตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 31 มีคำสั่งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเป็นหนังสือต่อศาลภายในวันที่ 25 ส.ค. 2568 หากไม่ยื่นจะถือว่าไม่ติดใจยื่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างที่ศาลได้อ่านกระบวนวิธีพิจารณานั้น กล้องได้จับภาพมาที่สีหน้าของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสังเกตได้ว่า มีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด กระพริบตาถี่ มองต่ำ เม้มปาก และ กุมมือไว้ด้านหน้าพร้อมทั้งบีบนิ้วโป้ง
ต่อมาเวลา 13.20 น. นางสาวแพรทองธาร ลงมาจากห้องพิจารณาคดีศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยิ้มและโบกมือทักทายให้กับประชาชนและสื่อมวลชนที่อยู่ด้านหน้าสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ