พรคคภูมิใจไทย ร้องทุกข์กล่าวโทษ "ภูมิธรรม" รักษาการนายกฯ มาตรา 157 ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา อ้างปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ความวุ่นวายทางการเมืองปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อนายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 สืบเนื่องจากการที่รัฐบาลชุดนี้ได้ดำเนินการขอพระราชทานพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร
ความตึงเครียดเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 2-3 กันยายน หลังภูมิธรรมให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่อ้างว่า "ไม่เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย" โดยระบุว่าเกิดสภาพ “3 กลุ่มการเมือง” ขึ้นในสภา ได้แก่:
นายภูมิธรรมยืนยันว่าสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ทำให้เกิดความสับสนอลหม่าน จึงเห็นว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการ "คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ" และได้ยื่นทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาไปเมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวถูกตั้งคำถามจากพรรคภูมิใจไทย โดยให้เหตุผลว่าการยื่นทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาโดยผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างอิงถึงความเห็นของปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เคยให้ความเห็นว่า "รักษาการนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจยื่นพระราชกฤษฎีกายุบสภา" การกระทำนี้จึงถูกมองว่าไม่เหมาะสมและอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทได้
ด้วยเหตุผลนี้ นายศุภชัยจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับคุณภูมิธรรมในข้อหา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และขอให้มีการสืบสวนเพิ่มเติมเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำนี้ หากพบหลักฐานในภายหลัง
ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายสุรทิน พิจารณ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) พร้อมด้วย นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งความเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ในความผิดตามมาตรา 112
การที่นายภูมิธรรม พยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากตัวนายภูมิธรรมนั้น ไม่มีอำนาจหน้าที่ หรือ สิทธิ์ที่สามารถทำได้ อีกทั้งการกระทำของนายภูมิธรรม ยังส่อเจตนาดึงสถาบันเบื้องสูงมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ