เพื่อไทย ชงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกระบวนการเลือก 'อนุทิน' เป็นนายกฯ ชี้ MOA ปชน.-ภท. เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญชี้นำครอบงำ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ (ฉบับปรับปรุง) โดยประธานสภาผู้แทนราษฎร มีคำสั่งให้บรรจุเรื่องระเบียบวาระเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ทั้งนี้หลังที่ประชุมมีมติให้เลื่อนระเบียบวาระดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน ได้เข้าสู่ขั้นตอนการการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี
โดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯรัฐมนตรี
โดยมีสส.รับรองจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภาฯ
ช่วงหนึ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายสนุนนายชัยเกษม โดยเห็นว่า ข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน หรือ MOA 5 ข้อ ในการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นข้อตกลงที่ขัดหลักการปกครองเสียงข้างมาก และเคารพเสียงข้างน้อย ที่พรรคประชาชน ไม่ร่วมคณะรัฐมนตรี และจะใช้กลไกสภา ควบคุมตรวจสอบรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ซึ่งหากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จะมีเสียงไว้วางใจได้อย่างไร และหลักเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง มอบให้พรรคประชาชน และ 1 ล้านเสียงให้พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน ก็กำลังมอบ 14 ล้านเสียง ให้ 1 ล้านเสียง ซึ่งเป็นการทำลายหลักประชาธิปไตย
นอกจากนั้น สส.พรรคเพื่อไทย ยังได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (5 ก.ย.) เพื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (5 ก.ย.) เพราะเป็นที่น่ากังวลว่า การที่พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย มีข้อตกลงร่วมกัน ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ที่ สส.เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย ไม่อยู่ข้อผูกมัด อาณัติครอบงำใด ๆ โดยปราศจากการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ซึ่ง MOA ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของพรรคประชาชน และนายอนุทิน เพราะเมื่อมีการยุบสภา และมีการเลือกตั้ง พรรคประชาชน ก็จะเป็นอันดับ 1 จึงไม่น่าแปลกใจที่พรรคประชาชน เรียกร้องให้มีการยุบสภา แต่การกระทำด้วยวิธีการเช่นนี้ กระบวนการนั้นมิชอบ เข้าข่ายการล้มล้างระบอบการปกครอง เพราะเป็นการครอบงำ เพื่อให้ สส.ให้ได้อำนาจมาซึ่งไม่ชอบธรรม ดังนั้น เมื่อมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว การดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรี ควรระงับยับยั้งไว้ก่อน และรอว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จะพิจารณาอย่างไรก่อน