svasdssvasds

เบื้องหลังปรับ ครม. อนุทินแฉ ถูกขอคืน มท.1 อ้าง ใกล้เลือกตั้งแล้ว

เบื้องหลังปรับ ครม. อนุทินแฉ ถูกขอคืน มท.1 อ้าง ใกล้เลือกตั้งแล้ว

อนุทินชี้แจง ถูกขอคืน มท.1 เพราะ "ใกล้เลือกตั้ง" ยัน MOA กำหนดต้องยุบสภาไม่เกิน 31 ม.ค. พร้อมปฏิเสธรู้จักผู้นำกัมพูชาและเป็นผู้ต้องหา DSI

SHORT CUT

  • นายอนุทินยืนยันว่า เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ตนได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการว่าพรรคเพื่อไทยต้องการ กระทรวงมหาดไทยคืน และเสนอให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
  • หลังการเปลี่ยนรัฐบาล นายอนุทินได้ทำ MOA (บันทึกความเข้าใจ) อย่างเป็นทางการ กับพรรคประชาชน
  • นายอนุทินปฏิเสธที่จะใช้อำนาจหน้าที่ไปกดดัน สั่งการ หรือชี้แนะข้าราชการในเรื่องคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว.

อนุทินชี้แจง ถูกขอคืน มท.1 เพราะ "ใกล้เลือกตั้ง" ยัน MOA กำหนดต้องยุบสภาไม่เกิน 31 ม.ค. พร้อมปฏิเสธรู้จักผู้นำกัมพูชาและเป็นผู้ต้องหา DSI

เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชี้แจงการอภิปรายของ น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ที่พาดพิงถึงนายอนุทินว่า ตนคิดว่า น.ส.จิราพร พยายามใช้วาทกรรมอีกแล้ว ตนเคยชื่นชมท่านมาตลอด เวลาพูดความจริงดูน่าเชื่อถือมาก แต่เวลาพูดความเท็จ เห็นได้ชัดเจนว่าท่านขาดความมั่นใจ ท่านพยายามทำให้เห็นว่าตนกับผู้นำกัมพูชา รู้อะไรกัน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่รู้จักผู้นำกัมพูชาในนามส่วนตัวเลยซักคนเดียว ตนเพิ่งเคยพบกับสมเด็จฮุน เซน ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ ตอนที่ติดตาม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เยือนประเทศกัมพูชา เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และไม่มีความสัมพันธ์ใดที่เป็นส่วนตัว 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า กรณีที่กล่าวหาว่ามีการตกลงเบื้องหลังก่อนหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่าไม่มี เต็มที่มีแค่เพื่อนที่รู้จักกัน และเป็นผู้ที่มีอำนาจในรัฐบาลแห่งนั้น ไม่มีลุง ไม่มีอังเคิล มีแต่เพื่อน และไม่เคยพูดถึงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงเสนอแนะอะไรที่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว 

“ตนยังรู้สึกตกใจด้วยซํ้า ว่าเมื่อผมกลับมาแล้วจากการติดตาม น.ส.แพทองธาร ไปเยือนกัมพูชา เพื่อนของผมที่รู้จักกัน เขาโทรมาบอกว่า รู้ไหมที่เขาไม่ให้คุณเข้าไปในที่ประชุมหลายที่ เขาไปแจ้งผู้นำเขาว่า ไม่ต้องคุยอะไรกับคุณมากหรอก เขาจะปลดคุณออกจาก มท.1 อยู่แล้ว” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ตอนนั้นตนรับทราบ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะข้อมูลที่ตนจะเชื่อมากที่สุด ต้องได้รับแจ้งจากนายกฯ ของตนในเวลานั้น คือ น.ส.แพทองธาร แต่ในที่สุดตนก็ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ว่าพรรคเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน และขอให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตนก็กราบเรียนไปว่า ถ้าแบบนี้ก็เปรียบเสมือนข้อเสนอที่ท่านต้องการให้ตนปฏิเสธ พูดตรงๆ เลยว่าให้ตนออกจากรัฐบาลดีกว่า ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ก็บอกว่า ไม่ใช่ อยากให้อยู่ แต่ต้องไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตนก็ถามไปว่าทำไม ตนทำอะไรผิดหรือ ตนคิดว่าเป็นรัฐมนตรีคนเดียวในคณะรัฐบาล ที่ยืนอยู่เคียงข้างนายกฯ ในทุกขณะ ไม่ว่าจะเป็นวันดีหรือวันร้าย ปกป้องให้ข้อเท็จจริงเมื่อนายกฯ ถูกกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ก็บอกว่า ใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคไทยต้องได้กระทรวงมหาดไทย ตนจึงบอกไปว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้ท่านเชื่อว่า การได้ดูแลกระทรวงมหาดไทยและจะชนะเลือกตั้ง ซึ่งคำตอบที่ได้คือ “ก็จะเอามหาดไทยคืนอ่ะ” 

นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเชื่อว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้พูดจากความต้องการในใจของท่านเอง แต่ต้องมีคนบอกให้ท่านพูด เพราะในที่สุด เลขาธิการนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ก็ได้มายืนยันว่า "ไพ่ใบสุดท้าย คุณไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข"

ทำให้ น.ส.จิราพร ลุกขึ้นประท้วงว่า นายอนุทินกำลังเล่าซีนดราม่าระหว่างตัวเองกับบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในสภาแห่งนี้ ทำให้นายอนุทิน กล่าวว่า "ผมอยู่ตรงนั้น เอามายืนยันกันตรงนี้เลยก็ได้ ท่านไม่ได้อยู่ตรงนั้น ท่านจะมาบอกดราม่าได้ยังไง" 

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เลขาธิการนายกรัฐมนตรีขณะนั้น มาหาตนที่กระทรวงมหาดไทย พร้อมระบุว่าต้องเป็นเช่นนี้ ซึ่งตน ฝากให้ไปกราบเรียนนายกรัฐมนตรีว่า พรรคภูมิใจไทยขอถอนตัว ซึ่งหลังจากนั้นก็บังเอิญมีเรื่องคลิปเสียงออกมาพอดี จึงทำให้การตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทยยิ่งเกิดความมั่นใจ 

นายอนุทิน เล่าว่าได้มีการพูดคุยกับพรรคประชาชนเพื่อประสานงานทำงานเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และมองว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ไหวแล้ว ประชาชนขาดความเชื่อมั่น จึงรอให้มีการยุบสภา แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ จึงไม่มีคนยุบสภา จึงได้พูดคุยกับพรรคประชาชนว่าจะทำอย่างไรดี จึงเป็นที่มาของ MOA พร้อมยืนยันว่าไม่ได้พิสดาร เพราะไม่ได้แอบเซ็นต์กันในห้องผู้นำฝ่ายค้าน แต่เป็นการทำอย่างทางการ 

นายอนุทิน ยืนยันว่า MOA เป็นเรื่องระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน ไม่ได้ผูกพันทั้งรัฐบาล แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็จะรักษาสัญญา คือจะมีการยุบสภาไม่เกินวันที่ 31 มกราคม และวันที่ 14-15 ตุลาคม ก็จะมีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันว่าไม่มีการดูด ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย มีแต่พรรคภูมิใจไทยถูกดูดจากพรรคเพื่อไทย แต่โชคดีที่เขากลับตัวทัน ส่วน ส.ส.ที่เพิ่มมา ก็มาจากการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.ศรีสะเกษ

“MOA นี้จะมาบังคับรัฐบาลในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ แต่ MOA นี้จะกำหนดให้รัฐบาลดำเนินการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง หรือความพิสดารใดๆ รัฐบาลนี้ถูกจัดตั้งขึ้นมาตามระบอบประชาธิปไตย เพราะตนได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส. 313 เสียง ดังนั้น ไม่มีสิ่งใดที่แปลกหรือไม่เคยทำมาก่อน 

นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ขอให้ตนสัญญาว่าจะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ ไปกดดันสั่งการ หรือชี้แนะข้าราชการ ให้เปลี่ยนแนวทางเรื่องคดีเขากระโดง และคดีฮั้ว ส.ว.นั้น ยํ้าว่าเรื่องนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้ดำเนินการ มีแต่รัฐบาลท่านนั่นแหละที่สั่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการ แล้วก็ไปติดข้อกฎหมาย ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมาย รวมถึงคดีเขากระโดงด้วย

"วันนั้นรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของท่านใจร้อนเอง เข้าไปวันแรก บอกวันที่ 2 สิงหาคมจะยึดที่ดิน ทำงานแบบท่านจิราพร อ่านอะไรไม่ได้ศัพท์ อ่านเร็วๆ นึกว่าตัวเองเก๋า เลยไปสรุปทุกเรื่องหมด" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หนังสือราชการต้องอ่านทุกถ้อยคำและตีความ ซึ่งสุดท้ายอธิบดีกรมที่ดิน ซึ่งพรรคเพื่อไทยเป็นคนตั้งเอง รวมถึงคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมา ก็แถลงว่ารัฐมนตรีทั้ง 2 คน พูดไม่ตรงกับมติของคณะกรรมการ และจะมาโทษอะไรตน ทั้งนี้ นายอนุทิน ยืนยันทิ้งท้ายว่า ขอให้มั่นใจว่าตนจะไม่เข้าไปดำเนินการในเรื่องนี้เด็ดขาด

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า น.ส.จิราพร ต้องถอนคำพูด ว่า นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ต้องหาของดีเอสไอ เพราะตนไม่ได้เป็นผู้ต้องหา ยังไม่ได้เป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย ชอบใช้วาทกรรมพูดให้ประชาชนเข้าใจผิด เรียก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดํา อธิบดีดีเอสไอ มาตรงนี้แล้วถามเลยว่าตนเป็นผู้ต้องหาหรือไม่ ยํ้าว่าตนเป็นเพียงผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา ตนก็ให้ความร่วมมือตามกฏหมายทุกอย่าง ส่งจดหมายชี้แจง ตั้งทนายความขึ้นมาศึกษาข้อกล่าวหา ส่วนคดีจะออกมาเป็นอย่างไร ก็มีกระบวนการอยู่แล้ว ดังนั้น การพูดว่าตนและ สว.เป็นผู้ต้องหานั้น เป็นคำพูดที่ผิด

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่รู้ว่า น.ส.จิราพร วางยาหรือเปล่า เพราะให้ไปบอก สว. ว่าต้องรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหมือนกำลังชี้ทางไปนรกให้ ตนจะไปพูดได้อย่างไร เพราะเขาห้ามชี้นำโน้มน้าวสมาชิกรัฐสภา ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญ ยํ้าว่าตนทำไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องประชาธิปไตย ใครอยากจะแก้ก็แก้ ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่ต้องแก้ พร้อมยืนยันว่า ยุบสภาช้าสุด 31 มกราคม แน่นอน อาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ำถ้ามีความจำเป็น

จากนั้น น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย ขอให้ประธานวินิจฉัยว่า เมื่อสักครู่นายกฯ ได้เรียนต่อท่านประธานแล้วว่าเป็นการใส่ร้ายกัน ซึ่งนายกฯ ขอให้ผู้อภิปรายเมื่อสักครู่ ได้ถอนคำพูดนี้ ถ้าท่านไม่มั่นใจท่านสามารถเทปย้อนหลังได้ว่ามีคำพูดนี้จริง  ทำให้นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ที่ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้วินิจฉัยว่าขอให้ น.ส.จิราพร ถอนคำพูด เพราะจริงๆตนในนามวุฒิสภาก็เช่นเดียวกัน ยังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา 

ทำให้ น.ส.จิราพร ยอมถอนคำพูดว่าผู้ต้องหา แต่เปลี่ยนเป็นผู้ที่พัวพันในคดีและส่อที่จะเข้ามายุบคดีหรือไม่

related