
SHORT CUT
เปิดประวัติ 3 แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย 'ยศชนัน' ทายาทตระกูลชินวัตร-วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตลำดับที่ 1 'สุริยะ-จุลพันธ์' มาตามนัด ลุยศึกเลือกตั้ง 2569
พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดประชุมใหญ่นัดสำคัญในวันนี้ 16 ธันวาคม 2568 โดยหัวใจของการประชุมใหญ่ครั้งนี้ คือ การเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคทั้ง 3 ราย ซึ่งได้ขึ้นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกพรรคอย่างพร้อมเพรียง นับเป็นการส่งสัญญาณพร้อมรบในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ "ดร.เชน" ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกครั้งในฐานะทายาททางการเมืองคนสำคัญของตระกูลชินวัตร
ศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เป็นบุตรชายคนโตของสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องสาวของทักษิณ ชินวัตร และพี่สาวของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็น รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล และอาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ดร.ยศชนัน เคยลงสนามเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 3 ในการเลือกตั้งปี 2557 และแม้ผลอย่างไม่เป็นทางการจะชี้ว่าเขาชนะการเลือกตั้ง แต่ด้วยเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในขณะนั้นซึ่งมีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. จนนำไปสู่การรัฐประหารโดย คสช.ทำให้ผลการเลือกตั้งไม่ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการและเขาไม่สามารถเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรได้
ช่วงรัฐบาลของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เขาได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล) ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ตามข้อเสนอของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ ในขณะนั้น นอกจากนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 เขายังเคยมีชื่อติดโผว่าจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แต่ได้ออกมาปฏิเสธในเวลาต่อมา
ล่าสุด ดร.ยศชนัน ได้ตัดสินใจกลับเข้าสู่สนามการเมืองใหญ่อีกครั้งในการเลือกตั้ง 2569 ในฐานะที่ใหญ่กว่า นั่นคือ การเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2497 ในกรุงเทพมหานคร เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นบุตรของ นายอาฮง แซ่จึง และนางม้วยเซียง แซ่โป่ว นายสุริยะมีความเกี่ยวข้องกับตระกูลดังหลายคน อาทิ เป็นพี่น้องกับ นายสรรเสริญ จุฬางกูร, นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ และเป็นพี่ชายของ นายพัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ (บิดาของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่) ชีวิตส่วนตัวนายสุริยะสมรสกับ นางสุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ มีบุตรชาย 1 คน คือ นายศาตนันท์ จึงรุ่งเรืองกิจ
สุริยะ เริ่มมีบทบาททางการเมืองครั้งแรกในรัฐบาลชวน หลีกภัย ปี 2541 ในตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ในโควตาของพรรคกิจสังคม
ต่อมาในปี 2544 ได้ย้ายเข้าสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้ดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม และได้เป็น เลขาธิการพรรคไทยรักไทย ในปี 2545 ต่อมาถูกย้ายไปนั่งเก้าอี้ รมว.คมนาคม
ปี 2550 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี หลังพรรคไทยรักไทยถูกยุบ หลังพ้นโทษแบนทางการเมือง สุริยะย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยและในปี 2561 ในฐานะหัวหน้ากลุ่มสามมิตร ได้เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังจากนั้นสุริยะได้ย้ายกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและได้รับตำแหน่ง รมว.คมนาคม ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และในรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และได้รับตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรีในเวลาต่อมา
ถือเป็นบทบาทสำคัญที่สุดในเส้นทางการเมืองของสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องทำหน้าที่นำพาคณะรัฐมนตรีที่เหลืออยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่อ่อนไหวทางการเมืองในช่วงเวลานั้น
ชื่อของ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็น 1 ใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เกิดเมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2518 เป็นทายาททางการเมืองโดยตรงของสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเพ็ชรี อมรวิวัฒน์ (เตชะไพบูลย์)
จุลพันธ์ เริ่มต้นบนถนนการเมืองหลังได้รับเลือกตั้งเป็น สส.เชียงใหม่สมัยแรกในนามพรรคไทยรักไทย เมื่อปี พ.ศ.2548 และได้รับเลือกตั้งมาอย่างต่อเนื่องรวม 5 สมัย จากตำแหน่ง สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน ล่าสุด ถูกวางให้เป็น 1 ใน 3 รายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย
เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จุลพันธ์ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งในสมัยรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และแพทองธาร ชินวัตร
จุลพันธ์มีภารกิจสำคัญ คือ การเป็นประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นโครงการเรือธงของรัฐบาล
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอกย้ำภาพลักษณ์ในฐานะ "คนรุ่นใหม่" ที่มีบทบาทและประสบการณ์ในพรรคอย่างสูง พร้อมเป็นแม่ทัพคนสำคัญในการนำพาพรรคเพื่อไทยฝ่าฟันมรสุมทางการเมืองและการเลือกตั้งที่เข้มข้นในอนาคต