svasdssvasds

ผลักดันสตาร์ทอัพไทยแข่งขันตลาดโลก พาเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

ผลักดันสตาร์ทอัพไทยแข่งขันตลาดโลก พาเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

กระทรวงอุตฯ ปลื้ม"Angel Fund - Startup Connect ปีที่ 7" ดันสตาร์ทอัพไทยลุยธุรกิจครบวงจร กระตุ้น ศก.ไทย 420 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 14 กันยายน 2565 – กระทรวงอุตสาหกรรม โชว์ผลสำเร็จดันสตาร์ทอัพไทย ปี 2565 กระตุ้นเศรษฐกิจไทยกว่า 420 ล้านบาท จากโครงการ Angel Fund (แองเจิ้ล ฟันด์) สามารถดันสตาร์ทอัพไทย กว่า 71 ธุรกิจในหลากหลายสาขาเข้าถึงแหล่งเงินทุน ต่อยอดการตลาด สร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 70 ล้านบาท ควบคู่โครงการ Startup Connect (สตาร์ทอัพ คอนเน็กต์) เชื่อมโยงเครือข่ายตลาดและแหล่งเงินทุนสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 350 ล้านบาท แย้มปี 2566 ผนึกทุกฝ่ายส่งเสริมเข้มข้นขึ้นเป้าหมายขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยแข่งขันตลาดโลก ดันระบบเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืน

ผลักดันสตาร์ทอัพไทยแข่งขันตลาดโลก พาเศรษฐกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

นายจุลพงษ์ ทวีศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงผลการขับเคลื่อนสตาร์ทอัพไทยตามนโยบายของรัฐบาลว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือ ดีพร้อม (DIPROM) ดำเนินงานผ่านโครงการเชื่อมโยงแหล่งเงินทุนสำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ หรือ Angel Fund โดยร่วมมือกับบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สนับสนุนเงินทุนแบบให้เปล่า และโครงการเชื่อมโยงตลาดสำหรับวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup Connect มุ่งพัฒนาทักษะการดำเนินธุรกิจ เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกกลุ่ม เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการตลาดอย่างเหมาะสมล่าสุดผลการดำเนินงานทั้ง 2 โครงการในปี 2565 สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศ รวมถึง 420 ล้านบาท

นายจุลพงษ์ กล่าวเสริมว่า ในภาพรวมดีพร้อมได้ส่งเสริมและพัฒนาสตาร์ทอัพระยะเริ่มต้น จำนวน 44 ธุรกิจ จำนวนนี้ มี 6 ธุรกิจได้รับทุนสนับสนุนจากโครงการ Angel Fund เกิดการจัดตั้งบริษัทใหม่และจ้างงานในประเทศ ไม่น้อยกว่า 130 คน สร้างมูลค่าเศรษฐกิจรวมไม่น้อยกว่า 70  ล้านบาท ขณะที่โครงการ Startup Connect ซึ่งมุ่งเน้นกิจกรรม Co-creation การสร้างนวัตกรรมร่วม หรือการเปิดช่องทางให้สตาร์ทอัพ ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับพันธมิตรเอกชนรายใหญ่และทดลองใช้นวัตกรรม หรือโซลูชั่นส์ในตลาดจริง (Proof of Concept: POC) อีกทั้ง ยังช่วยเชื่อมโยงสตาร์ทอัพเข้าถึงตลาดภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท พร้อมเชื่อมโยงไปสู่แหล่งเงินทุนขนาดใหญ่ (VC/CVC) 115 ล้านบาท รวมสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาท

"ผลการดำเนินงานยังแสดงให้เห็นถึงแนวคิดการดำเนินธุรกิจของสตาร์ทอัพในหลากหลายสาขาที่มีความน่าสนใจและมีความเกี่ยวข้องกับ “เทคโนโลยีเชิงลึก” (Deep Technology) ทั้ง 12 ด้าน อาทิ การแพทย์ครบวงจร การเกษตร อาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ แพลตฟอร์มดิจิทัล เทคโนโลยีการเงิน อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะหุ่นยนต์ เกิดเป็นนวัตกรรมที่หลากหลาย อาทิ 

ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 คว้าเงินรางวัล 1 ล้านบาท

  • EMMA -เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ12 ลีดอัจฉริยะ สามารถวิเคราะห์และจำแนกเคสที่ผิดปกติของโรคหัวใจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำราคาเข้าถึงได้ 
  • Planet C – แพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบเรียลไทม์สำหรับอุตสาหกรรม 
  • Electronic Nose เครื่องตรวจวัดกลิ่นแบบดิจิทัลในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ 
  • MUU นมวัวที่ผลิตโดยไม่ใช้วัว ตอบโจทย์ความมั่นคงทางอาหารของโลก 
  • YABEZ Sorderm Cream/Lotion ยารักษาผิวหนังอักเสบ 
  • Maxflow - เครื่องปรับคุณภาพน้ำด้วยสนามแม่เหล็กถาวร สำหรับการเพาะปลูก 
  • UPCYDE leather หนังเทียมจากขยะทางการเกษตร 
  • iRon-X ชุดฝึกแขนกลหุ่นยนต์ 
  • OXYMILK เครื่องนวดกระตุ้นน้ำนมคุณแม่ในช่วงให้นมลูก 
  • และRenewsi ซิลิกอนเกรดแบตเตอรี่จากขยะโซลาเซลล์ สำหรับทำเป็นขั้วไฟฟ้าในเซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนยานยนต์ไฟฟ้า"  นายจุลพงษ์   กล่าวสรุป
related