svasdssvasds

รู้จักกับ "การฝากไข่" ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับคู่รักที่มีบุตรยาก

รู้จักกับ "การฝากไข่" ที่จะเป็นอีกหนึ่งทางออกสำหรับคู่รักที่มีบุตรยาก

"ฝากไข่" คือการแช่แข็งเซลล์ไข่ที่นับเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ของคุณผู้หญิงที่สามารถนำออกมาใช้ปฏิสนธิกับอสุจิได้ในอนาคต

 ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อคนเรามีครอบครัวจะมีภาระความรับผิดชอบที่สูงมากขึ้น เพราะด้วยสถานการณ์สังคมในปัจจุบันที่มีค่านิยมที่เปลี่ยนไปในเรื่องของการสร้างครอบครัวหรือการมีลูก ทำให้ผู้หญิงเข้าสู่สภาวะการมีลูกช้า อาจจะเป็นเพราะว่าผู้หญิงหลายคนมีเป้าหมายในชีวิตที่ล้วนต้องการประสบความสำเร็จ โดยกว่าจะต้องการมีบุตร อายุก็ปาเข้าไป 30 กว่าแล้ว

 ซึ่งทำให้มีปัญหาที่ตามมาก็คือ การมีบุตรยาก ที่อาจเป็นหนึ่งในปัญหาที่คู่รักหลายคู่หนักใจ เพราะจะพยายามมีเท่าไรก็ไม่สำเร็จสักที ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ การฝากไข่ จึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร และการเก็บไข่คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร? ในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กัน

ฝากไข่คืออะไร

 การฝากไข่ (Egg Freezing) คือ การแช่แข็งเซลล์ไข่ที่นับเป็นอีกหนึ่งในวิธีที่จะช่วยรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ของคุณผู้หญิง โดยการเก็บรักษาไข่นี้เป็นการทำหัตถการเพื่อเก็บเซลล์ไข่จากรังไข่แล้วนำมาแช่แข็งไว้ในอุณหภูมิที่เย็นจัด -196 องศาเซลเซียส ที่สามารถนำออกมาใช้ในอนาคต และไข่ที่แช่แข็งนี้สามารถนำมาละลายและนำไปปฏิสนธิกับอสุจิ ในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF/ICSI ได้

 หากต้องการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฝากไข่ สามารถคลิกอ่านได้เลย โดยบทความนี้อ้างอิงข้อมูลจากสูตินารีแพทย์

ทำไมถึงต้องเก็บไข่

 ภาวะมีบุตรยาก อาจเป็นสาเหตุกวนใจที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก เนื่องผู้หญิงมีเซลล์ไข่ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดเป็นจำนวนมาก 1-2 ล้านเซลล์ แต่จะเริ่มฝ่อตั้งแต่เกิดเช่นเดียวกัน ในแต่ละเดือนจะมีไข่ที่โตประมาณ 1,000 ใบ แต่จะมีไข่ที่ตกเพียง 1 ใบต่อเดือน และใบอื่น ๆ ก็จะสลายฝ่อไป ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้การมาเทคโนโลยีอย่างการ ฝากไข่ ที่อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคุณผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมมีบุตรในเร็ว ๆ นี้ แต่มีความต้องการมีบุตรในอนาคตนั่นเอง

 

ขั้นตอนการฝากไข่

ขั้นตอนการฝากไข่

หลายๆ คนอาจสงสัยว่าขั้นตอนกระบวนการฝากไข่นั้นมีอะไรบ้าง โดยจะแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้

1. ตรวจร่างกาย (Preparation Part)

 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะนัดตรวจร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก โดยจะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับโรคประจำตัว การแพ้ยา น้ำหนัก ส่วนสูง รอบประจำเดือน และวัดความดันโลหิต รวมถึงอัลตราซาวด์ตรวจดูสภาพรังไข่และจำนวนไข่ตั้งต้น เพื่อดูว่าจะมีโอกาสที่โรคต่างๆ จะสามารถส่งต่อจากคุณแม่สู่ลูกได้ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบชนิด B ชนิด C และ โรค HIV เป็นต้น

2. การกระตุ้นรังไข่ (Ovarian Stimulation Part)

 หลังจากทำการตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะเริ่มกระบวนการฉีดยากระตุ้นรังไข่ที่มีส่วนผสม Gonal F, Puregon, Pergoveris, Follitrope ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มปริมาณและกระตุ้นให้ไข่ทุกฟองให้โตเท่า ๆ กัน ซึ่งปริมาณยาที่ใช้กระตุ้นไข่ โดยจะใช้ระยะเวลาในการฉีดประมาณ 8-9 วัน ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อยาของคนไข้ในแต่ละคน เช่น อายุและระดับฮอร์โมน เป็นต้น และในขณะเดียวกันแพทย์จะทำการฉีดยา Orgalutran เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไข่ตกก่อนเวลาร่วมด้วย

3. ติดตามขนาดไข่

 หากถึงระยะเวลาการกระตุ้นรังไข่ได้สำเร็จแล้ว แพทย์จะทำการติดตามอาการโดยการเจาะเลือดเพื่อดูฮอร์โมน FSH, E2, LH อีกครั้ง รวมถึงการอัลตราซาวด์ติดตามดูการเจริญเติบโตของไข่ที่ถูกกระตุ้น หากได้ขนาดที่ใหญ่เหมาะสมควรตามที่ต้องการแล้ว ทางแพทย์จะทำการฉีดยาเพื่อทำให้ไข่ตกทันที

 

4. การเก็บไข่ (Egg Retrieval)

 หลังจากฉีดยากระตุ้นให้ไข่ตกผ่านไปแล้ว 36 ชั่วโมง แพทย์จะทำการเก็บไข่โดยการใช้อัลตราซาวด์เพื่อดูตำแหน่งไข่ให้ชัดเจน และใช้เข็มเจาะที่รังไข่เพื่อดูดไข่ออกมาซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งก่อนจะเริ่มกระบวนการนี้ คนไข้จะต้องมีการเตรียมตัวก่อนการเก็บไข่ ดังนี้

• พักผ่อนให้เพียงพอ 

• พยายามไม่เครียด

• ก่อนเก็บไข่ ต้องงดน้ำและอาหาร 6 - 8 ชั่วโมง

• ห้ามแต่งหน้า ห้ามทาสีเล็บ และห้ามใส่เครื่องประดับทุกประเภท

5. แช่แข็งไข่ (Oocyte freezing)

 เมื่อทำการเจาะไข่ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนำหลอดที่บรรจุเซลล์ไข่เข้าแช่แข็งที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส เพื่อให้เซลล์ไข่จะถูกแช่แข็งอยู่แบบนั้นจนกว่าจะมีการทำเรื่องเบิกเซลล์ไข่เพื่อนำมาปฏิสนธิกับอสุจิฝ่ายชาย

ข้อดี - ข้อจำกัดของการฝากไข่

• ข้อดีของการฝากไข่

 ข้อดีของการฝากไข่คือ เซลล์ไข่สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 10 ปี หากคุณผู้หญิงวางแผนที่จะมีบุตรตอนอายุมากกว่า 35 ปี วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดความผิดปกติของโครโมโซมและป้องกันการเกิดดาวน์ซินโดรมต่อเด็กได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสการมีลูกให้กับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับรังไข่ได้อีกด้วย

• ข้อจำกัดของการฝากไข่

เมื่อมีข้อดีแล้วก็จะมีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงทุกขั้นตอนตั้งแต่ตรวจเช็กร่างกายไปจนถึงขั้นตอนการแช่แข็งเซลล์ไข่  หากต้องการนำไข่ออกมาปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิเพื่อการตั้งครรภ์ จะมีค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วเพิ่มอีกหนึ่งขั้นตอน ที่อาจส่งผลข้างเคียงทางด้านร่างกายตามมาอีกด้วย

ฝากไข่อันตรายไหม

 การฝากไข่อาจมีความเสี่ยงจากขั้นตอนการเก็บไข่ เนื่องจากต้องใช้อุปกรณ์ดูดไข่ออกมาที่อาจทำให้มีเลือดออกมา ซึ่งอาจส่งผลตามมาอย่างการติดเชื้อในช่องท้องได้ รวไปถึงการใช้ยาฮอร์โมนระหว่างขั้นตอนการกระตุ้นไข่ที่อาจส่งผลทำให้รังไข่เกิดการกระตุ้นมากจนเกินไป เช่น คลื่นไส้ ท้องอืด แน่นท้อง ปวดหน่วงที่ท้อง เป็นต้น

ฝากไข่ ราคาเท่าไหร่

 สำหรับค่าใช้จ่ายในการฝากไข่โดยปกติแล้ว จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 180,000 - 260,000 บาท โดยราคาจะขึ้นอยู่กับตัวยาที่จะต้องใช้กับคนไข้ในแต่ละคน หากคุณกำลังสนใจและกำลังสงสัยในกระบวนการนี้ สามารถเข้าไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวจากโรงพยาบาลที่คุณไว้วางใจเพื่อปรึกษารายละเอียดการรักษาก่อนได้

ฝากไข่มีโอกาสสำเร็จเท่าไหร่

โดยเฉลี่ยแล้วอัตราการอยู่รอดของไข่ที่แช่แข็งไว้แล้วละลายออกมาใช้จะอยู่ที่ประมาณ 75-80% ส่วนอัตราการตั้งครรภ์ขึ้นอยู่กับคุณภาพของไข่ และคุณภาพของตัวอสุจิที่เอามาผสมด้วย

จำเป็นต้องใช้ทะเบียนสมรสในการฝากไข่ไหม

ในขั้นตอนก่อนการฝากไข่ไม่จำเป็นใช้ทะเบียนสมรส แต่ถ้าหากต้องการนำไข่ที่ฝากมาใช้เพื่อการตั้งครรภ์จำเป็นต้องใช้ทะเบียนสมรส

เด็กที่เกิดจากการฝากไข่ ต่างจากเด็กจากครรภ์ปกติหรือไม่

จากการติดตามและศึกษา ประกอบกับที่มีรายงานจนถึงปัจจุบัน ยังไม่พบความแตกต่างของเด็กที่เกิดจากไข่ที่ผ่านการแช่แข็ง และเด็กที่เกิดจากไข่ที่ไม่ผ่านการแช่แข็ง

ข้อสรุป

 ดั้งนั้น การฝากไข่ จึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่ช่วยรักษาคุณภาพเซลล์ไข่ของผู้หญิง เพื่อสามารถนำไปใช้สำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตได้ อาจไปปรึกษาแพทย์เพื่อช่วยให้แพทย์วางแผน ตรวจสุขภาพร่างกายและให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติต่างๆ ที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจ

related