svasdssvasds

10 ประเด็น ฟุตบอลไทย ช้างศึก แพ้หมดรูป จอร์เจีย 8-0 แผลในใจ ติดตัวไปตลอดกาล

10 ประเด็น ฟุตบอลไทย ช้างศึก แพ้หมดรูป จอร์เจีย 8-0 แผลในใจ ติดตัวไปตลอดกาล

เปิด 10 ประเด็น ฟุตบอลไทย ทีมชาติไทย เจ้าของฉายา ช้างศึก ที่เพิ่ง แพ้หมดรูป ในการอุ่นเครื่องกับ จอร์เจีย 8-0 แผลในใจที่จะติดตัวไปตลอดกาล และแมตช์ กระชับมิตร กลับกลายเป็นแมตช์แห่งความน่าอับอายของทีมชาติไทย

ไม่รู้จะหาคำบรรยายใดๆ ที่แทนหัวใจคนรัก ทีมชาติไทย เชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทย กับความเจ็บปวด ในแมตช์กระชับมิตร ซึ่ง "ช้างศึก" ท่องไปยุโรปตะวันออก ไปดวลกับ "จอร์เจีย" ทีมอันดับ 79 ของโลก  ส่วนไทยนั้น รั้งอันดับ 112 ของโลก และสุดท้ายไทยแพ้อย่างหมดรูป ไม่เหลือลาย

แม้ ช้างศึก ดูอ่อนกว่า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สกอร์ ไม่น่าจะเอาท์คลาส แพ้ขาดลอย กระจุยกระจาย ขนาดนี้  , โดยไทย ต้องพุ่งชนกับความพ่ายแพ้ถึง 0-8 

และนี่คือ 10 ประเด็นที่น่าสนใจ และสถิติ และเอามาใช้เป็นบทเรียนต่อ จากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ 

1. รู้หรือไม่ว่า การแพ้ของทีมชาติไทย ต่อทีมชาติจอร์เจีย เกือบจะเป็นการแพ้ที่ย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์ พงศาวดารลูกหนังไทย เพราะการแพ้ยับเยินปี้ป่นครั้งใหญ่ ที่สุดของทีมชาติไทย คือ เมื่อ 67 ปีก่อน ที่เราเคยร้าวรอนตอนโอลิมปิก 1956 ซึ่งจัดขึ้นที่ออสเตรเลีย โดยตอนนั้น ไทย โดน เกรต บริเตน หรือ สหราชอาณาจักร พิชิต 0-9  

2. เรื่องประหลาด สำหรับทีมชาติจอร์เจีย  คือ เมื่อเดือนที่แล้ว พวกเขาเพิ่งแพ้เป็นประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลประเทศอยู่เลย เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2023 แพ้ต่อ สเปน เป็นสถิติประเทศ 1-7  แต่ ภายหลัง เวลาให้หลังเดือนเดียว วันที่ 12 ตุลาคม 2023 ชนะ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย เป็นสถิติประเทศ 8-0  

10 ประเด็น ฟุตบอลไทย ช้างศึก แพ้หมดรูป จอร์เจีย 8-0 แผลในใจที่จะติดตัวไปตลอดกาล credit ภาพจากเพจ ช้างศึก - ฟุตบอลทีมชาติไทย

3. ดาวเด่นของทีมชาติจอร์เจีย ที่ดังที่สุด ชุดนี้ เห็นจะเป็น ควิชา ควารัตสเคเลีย แนวรุกอันดับ 1 ของทีมชาติ จากสโมสรนาโปลี ซึ่งฤดูกาลที่แล้ว เขาพาสโมสรนาโปลีเป็นแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา อย่างยิ่งใหญ่

4. สำหรับ สถิติเดิม ของทีมชาติจอร์เจีย ที่เคยชนะคู่แข่งไว้เยอะที่สุด ก็คือ พวกเขาเคยชนะ อาร์เมเนีย 7-0 เมื่อปี 1997  หรือเมื่อ 26 ปีที่แล้ว นู้นเลย

5. จะบอกว่า ทีมชาติไทย สู้ไม่ได้ ก็คงจะไม่ผิดจากความเป็นจริง เพราะ ทีมชาติไทย โดนล่อเป้ายิงไป 34 ครั้ง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ผู้รักษาประตูก็ยังช่วยสุดชีวิต จัดไป 14 เซฟแล้ว ไม่อย่างนั้น ทีมชาติไทย อาจโดนยิงถึง 2 หลัก

6. ตัวโค้ชทีมชาติจอร์เจีย ปัจจุบัน , หากใครที่ติดตามฟุตบอลมานาน คงจะพอคุ้นหูกันบ้าง เขาคนนั้นคือ วิลลี่ ซาญอล อดีตแบ็กขวาสโมสรบาเยิร์น มิวนิค และ ทีมชาติฝรั่งเศส และเขาอยู่ในทีม "ตราไก่" ชุดรองแชมป์โลก ปี 2006 ด้วย

10 ประเด็น ฟุตบอลไทย ช้างศึก แพ้หมดรูป จอร์เจีย 8-0 แผลในใจที่จะติดตัวไปตลอดกาล credit ภาพจากเพจ ช้างศึก - ฟุตบอลทีมชาติไทย

7. หากจะมองเรื่องสภาพแวดล้อม อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมชาติไทย พ่ายแพ้แบบเละเทะ กลับบ้านไม่ถูก คือเรื่องของ "สภาพร่างกาย" ที่ไม่คุ้นชินกับอากาศอันหนาวเหน็บบนแผ่นดินยุโรป แม้ว่าจะลัดฟ้าสู่ดินแดนตะวันตกตั้งแต่ค่ำคืนวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 

ทว่าระยะเวลาเพียงน้อยนิด นักเตะคงไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความเย็นที่จอร์เจีย ได้ทันที  ด้วยความที่นักเตะช้างศึกมาจากเมืองร้อน การไปเล่นในประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศติดลบ ย่อมส่งผลกระทบแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะระบบหายใจที่ทำให้เหนื่อยง่ายกว่าเดิม

อย่าว่าแต่ไทย ไปเล่นในยุโรป เลย หากทีมชาติจากยุโรป ข้ามฟากมาเล่นที่ไทย พวกเขาก็ต้องใช้เวลาปรับตัวเช่นกัน ดูอย่างฟุตบอลโลกหนล่าสุดที่แข่งขันกันที่กาตาร์ - บรรดาชาติใหญ่ๆ ต่างก็ต้องเข้าแคมป์เก็บตัว เพื่อปรับร่างกายให้สนิทกับอากาศที่ร้อนชื้น ก่อนที่ทัวร์นาเมนต์แห่งมวลมนุษยชาติจะเริ่มขึ้น

8. เป็นเรื่อง เสียดายที่ไม่ใช้ชุดที่ดีที่สุด  เพราะจริงๆ แล้วการมาเปิดประสบการณ์บนทวีปยุโรป ของช้างศึกทั้งที่  เป็นเรื่องที่ดีมากๆ แม้จะไม่ได้อุ่นเครื่องกับทีมชาติใหญ่ๆ เพราะแรงกิ้ง อันดับโลก ห่างกันไกล แต่อย่างน้อยสิ่งที่ได้จากจอร์เจีย หรือเอสโตเนีย (นัดหน้า ก็คงจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยเมื่อนำกลับสู่เมืองไทย , แถมตามประกาศจากสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ว่าทัพช้างศึกจะกรีธาสู่ยุโรป แน่นอนในช่วงตุลาคม ก็ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ หรือราวๆ 8 เดือนก่อนแข่งขัน

ไม่พอเพียงเท่านี้ ในปี 2023 ต่อด้วย 2024 "ช้างศึก" มีทัวร์นาเมนต์ใหญ่รออยู่ 2 รายการ คือ "คัดเลือกฟุตบอลโลก 2026" และ เอเชียน คัพ รอบสุดท้าย โดยเฉพาะ เวิลด์คัพ ควอลิฟาย โซนเอเชีย ที่เตรียมประเดิมสนามกับจีน ก็จะหวดกันในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน

ดังนั้นการจัดการต่างๆ จึงน่าจะตระเตรียมให้พร้อมสำหรับการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้น  แต่กลายเป็นว่าทริปลัดฟ้าสู่ยุโรป กลับไม่สามารถใช้งานนักเตะชุดที่ดีที่สุดได้ซะอย่างนั้น ทั้งๆ ที่เหลืออีกราวๆ 30 กว่าวัน ก็จะต้องเผชิญหน้ากับจีน ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย อีกต่างหาก 

9. ความจริงแล้ว เกมทีมชาติไทย ดวลจอร์เจีย ควรเป็นแมตช์ที่สร้างกำลังใจ สร้างความเข้าใจเรื่องแท็กติก ก่อนบอลโลก รอบคัดเลือก ในเดือนหน้า (ไทย-จีน 16 พ.ย.) จะเริ่มขึ้น แต่สมาคมฯ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ความมั่นใจหมดสิ้น แท็กติกอะไรก็ไม่ได้เรียนรู้ 
เป็นโปรแกรมที่สูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง  แถมยังทำให้ทั้งอาเซียนอับอายไปพร้อมกับเราด้วย  สิ่งเดียวที่ได้จากเกมนี้ คือรู้ไว้ว่าการจัดการอันว้าวุ่นไปหมด ทำให้ทุกอย่างพังพินาศเละคามือแบบนี้ 

10. เชื่อว่าทุกๆคน ที่เป็นแฟนบอลไทย คงมีความรู้สึก มีคำอยู่ในใจเป็นหมื่นล้านคำ , เชื่อว่า "หนักกว่านี้" แฟนบอลไทยก็เจอมาแล้ว ดังนั้น 8 ลูกแห่งความเจ็บปวด ที่เพิ่งทิ่มแทงแผลในใจ  จะถูกจดจำในประวัติศาสตร์บอลไทยไปตลอดกาล เป็นวันที่แสนเศร้าของฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง

แล้วทำไมเยือนยุโรปรอบนี้ถึงมีปัญหา ทั้งที่เป็น ฟีฟ่า เดย์

บรรลุข้อตกลงก่อนปฏิทินบอลไทย 2023/24 คลอด
ในช่วงต้นปี เดือน ก.พ. 2023  เป็นช่วงกลางค่อนปลายของ ไทยลีก 2022/23 นั่นหมายความว่าปฏิทินฟุตบอลไทย 2023/24 ยังไม่คลอดออกมา แต่มีการตกลงว่าจะเตะอุ่นเครื่องกับทีมชาติในยุโรปไปแล้ว 
.
กระทั่งฤดูกาลแข่งขันปิดฉากลงไป สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ บ.ไทยลีก จำกัด ได้ประชุมเพื่อออกปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลไทย 2023/24 ซึ่งแน่นอนว่าเกมอุ่นเครื่อง 2 นัดนี้ ถูกใส่เข้าไปในปฏิทินด้วย (เกมเจอจอร์เจีย และ เอสโตเนีย)

ทุกสโมสรในไทยลีก รับทราบเป็นอย่างดีและไม่มีการคัดค้าน ขณะเดียวกันก็ไม่อาจคัดค้านได้ด้วย เพราะสมาคมฯ บรรจุ 2 เกมนี้ไว้ในช่วง ฟีฟ่า เดย์ อยู่แล้ว

บางทีอาจเป็นเพราะในปฏิทินมีทัวร์นาเมนท์ที่สำคัญมากกว่า 2 เกมนี้ จึงเบนความสนใจไป คือ เอเชียนคัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่เดิมทีต้องจัดที่ประเทศจีน ในเดือน มิ.ย.66 (ช่วงปิดฤดูกาล) แต่ จีน ขอถอนตัว และ กาตาร์ มารับช่วงต่อ โดยจัดการแข่งขันในเดือน ม.ค.67 ทำให้ทุกฝ่ายมองว่า ไทยลีก ควรจบเลกแรกให้เร็วที่สุด เพื่อให้ ทีมชาติไทย มีเวลาเตรียมทีมก่อนเอเชียนคัพ

นอกจากนั้นยังมีฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 49 เมื่อเดือน ก.ย. 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นรายการสำคัญเพราะมีถ้วยพระราชทานเป็นเดิมพัน ทำให้มีการเอาโปรแกรม ไทยลีก นัดที่ 4 ไปให้ ทีมชาติไทย ได้ฝึกซ้อมกัน

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้โปรแกรมไทยลีก เลกแรก อัดแน่นจนไม่มีช่องให้หายใจหรือได้รับอนุญาตให้เลื่อนโปรแกรมได้อีกแล้ว เว้นเสียแต่ว่าเลื่อนการแข่งขันในบางคู่ เหมือนที่ สุโขทัย กับ ชลบุรี เลื่อนเตะเพื่อให้นักเตะไปรับใช้ชาติในเอเชียเกมส์

แต่สำหรับ 3 ทีม คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และบีจี ปทุม ยูไนเต็ด เจอสถานการณ์ที่ยากลำบากกว่าทุกทีม เพราะมีโปรแกรม เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน 

ทีมชาติไทยเดินทางไกลและเตะวันสุดท้าย ฟีฟ่า เดย์

ด้วยเหตุนี้ ทำให้เกมอุ่นเครื่อง ฟีฟ่า เดย์ ของทีมชาติไทย "ช้างศึก"  เดือน ต.ค.66 กับ จอร์เจีย และ เอสโตเนีย มีปัญหาขึ้นมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้   เพราะ ฟีฟ่า เดย์ ถูกกำหนดไว้ คือ ระหว่างวันที่ 9-17 ต.ค.66 ซึ่ง ไทยลีก จะเตะนัดที่ 7 วันที่ 8 ต.ค.66 เท่ากับว่านักเตะจะมีเวลาฝึกซ้อม 3 วันก่อนเจอ จอร์เจีย วันที่ 12 ต.ค.   ดังนั้นช่วง 3 วันนี้ ต้องแบ่งให้กับการเดินทางด้วย ซึ่งแน่นอนว่าใช้เวลามากกว่า 10 ชม. ในการอยู่บนท้องฟ้า ยังไม่รวมภาคพื้นที่ต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง เท่ากับว่าหมดไป 1 วัน กับการเดินทาง

หลังจบแมตช์กับ จอร์เจีย ก็ต้องบินต่อไป เอสโตเนีย แม้จะใช้เวลาไม่นานมาก แต่ที่นานกว่าคือการรอเตะกับ เอสโตเนีย เพราะจะมีเวลาถึง 4 วัน ในการรอให้ถึงวันที่ 17 ต.ค.66 เนื่องจาก เอสโตเนีย มีเตะฟุตบอลยูโร รอบคัดเลือก วันที่ 13 ต.ค.66 เปิดบ้านพบ อาเซอร์ไบจาน และดันเลือกพักถึง 3 วัน ซึ่งคนกำหนดวัน/เวลาแข่งขัน คือ ยูฟ่า เนื่องจากถือลิขสิทธิ์ของทุกชาติในยุโรป 

แน่นอนว่าวันที่ 17 ต.ค.66 ยังอยู่ในช่วงเวลาของ ฟีฟ่า เดย์ (วันสุดท้าย) จึงไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ทว่าหลังจากจบแมตช์กับ เอสโตเนีย นักเตะไทยต้องบินกลับมารับใช้ต้นสังกัดใน ไทยลีก ที่มีโปรแกรมเตะนัดที่ 8 ในวันที่ 20 ต.ค.66 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related