ลิเวอร์พูลแชมป์ลีกคัพ สมัย 10 ถ้วยแชมป์แทนคำขอบคุณ-สั่งลา เยอร์เก้น คล็อปป์
เยอร์เก้น คล็อปป์ กับรอยยิ้มในการสั่งลาซีซั่นสุดท้ายกับลิเวอร์พูล แชมป์ที่แทนคำอำลาซีซั่นสุดท้ายมาแล้ว นั่นคือแชมป์ลีก คัพ หรือ คาราบาวคัพ หลังโค่นเชลซีสุดดราม่า 1-0 จากประตูชัยนาที 118 ของเวอร์จิล ฟาน ไคค์
SHORT CUT
- เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมลิเวอร์พูล สวมวิญญาณฮีโร่ โหม่งประตูชัย นาที 118 พาหงส์เฉือนเชลซี 1-0 ในนัดชิงชนะเลิศ ลีก คัพ หรือ คาราบาวคัพ ฤดูกาล 2023-2024
- โดยแชมป์สมัยนี้ ถือเป็นแชมป์สมัยที่ 10 ในถ้วยลีกคัพ ของลิเวอร์พูล และถือเป็นแชมป์แรกในฤดูกาลสุดท้ายของเยอร์เก้น คล็อปป์ ในการคุมทีมลิเวอร์พูลด้วย
- ต่อจากนี้ ลิเวอร์พูล ก็ยังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ถ้วยอื่นๆอีก ทั้ง พรีเมียร์ลีก ,เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก
เยอร์เก้น คล็อปป์ กับรอยยิ้มในการสั่งลาซีซั่นสุดท้ายกับลิเวอร์พูล แชมป์ที่แทนคำอำลาซีซั่นสุดท้ายมาแล้ว นั่นคือแชมป์ลีก คัพ หรือ คาราบาวคัพ หลังโค่นเชลซีสุดดราม่า 1-0 จากประตูชัยนาที 118 ของเวอร์จิล ฟาน ไคค์
อย่างที่ทราบกันดีกว่าฤดูกาลนี้ กำลังจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายในการคุมทีมลิเวอร์พูลของเยอร์เก้น คล็อปป์ , วันที่ 26 มกราคม 2024 คือวันที่เขาประกาศจะขอลงจากตำแหน่ง และจะจากไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลนี้ พร้อมกับประโยคแคลสสิค
'I'M RUNNING OUT OF ENERGY' หรือ "ผมกำลังหมดไฟแล้ว..."
ใครหลายคนอาจจะกลัวว่า คำกล่าวลาที่มาเร็วของเยอร์เก้น คล็อปป์ ในวันนั้น อาจจะส่งผลต่อ ภาพรวมของลิเวอร์พูลในการขับเคี่ยวเบียดลุ้น 4 แชมป์ในซีซั่นนี้หรือไม่ ?
ใครหลายคนอาจจะกังวล กลัวซ้ำรอยเหตุการณ์ เหมือนเมื่อครั้งที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกลาแมนฯยูไนเต็ดครั้งแรก แล้วทำให้ จิตใจของแข้งผีแดงระส่ำระส่าย ไม่อยู่กับร่องกับรอยไปเลย ... แต่สุดท้าย การคว้าแชมป์ ลีก คัพ หรือ หากเรียกตามสปอนเซอร์ ก็จะเป็น คาราบาว คัพ ในค่ำคืนที่ผ่านมา เหนือเชลซี ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า คำลาที่มาเร็วของคล็อปป์ กลับกลายเป็น คำกระทุ้งใจ ให้แข้งหงส์ "ใส่สุดชีวิต" ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ วันที่ได้แชมป์ ลีก คัพ (เป็นสมัยที่ 10 ของสโมสร และมากกว่าทุกๆสโมสร)
หากไปดูถึงรายละเอียดในเกม , ไปดูรายละเอียดในสภาพทีมของลิเวอร์พูล ในวันที่โค่นเชลซีได้ในเวมบลี่ย์ คงต้องบอกว่า "ทุกคนหัวใจน่ากราบ" จริงๆ ลิเวอร์พูลมาในสภาพไม่พร้อม และตัวเจ็บตัวป่วยยาวเป็นหางว่าว
ในเกมสุดสำคัญ ที่ ลิเวอร์พูล ไม่มี
• โมฮาเหม็ด ซาลาห์
• ดาร์วิน นูนเยซ
• เทรนต์ อเล็กซานเดอร์- อาโนลด์
• อลีซง เบ็คเกอร์
• เคอร์ติส โจนส์
• ดีโอโก โชต้า
• โดมินิก โซโบสไล
โดยนี่ไม่นับ ติอาโก้,อัลคันทาร่า โจเอล มาทิป และสเตฟาน ไบเซติช ที่พักยาวอยู่แล้ว และยังมาเสีย ไรอัน กราเฟนแบร์กไปอีกคนในช่วงต้นเกมนัดชิงฯ #ลีกคัพ และด้วยขุนพลที่อยู่ในสภาพ กะปลกกะเปลี้ย แบบนี้ แต่ลิเวอร์พูลสู้กับเชลซี ทีมที่ลงทุนไปพันล้าน และมีสตาร์เต็มทีมในนัดชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ด้วย ชื่อชั้นนักเตะสำรอง อาทิ ควีวิน เคลเลเฮอร์ , คอเนอร์ แบรดลีย์ , บ็อบบี คลาร์ก ,เจมส์ แม็คคอนเนลล์ , เจย์แดน แดนส์ , จาร์เรล ควานซาห์
แต่ทุกคนก็สู้ด้วยใจ สู้ด้วยพละกำลังที่มี และใส่เต็มวิ่งไล่ "สู้ฟัด" ใส่เต็มหลอดจนเกมออกมาสนุก สูสี และเข้มข้นมากๆ ตลอด 90 นาที และยื้อไปจนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ซึ่งสุดท้ายแล้ว เวอร์จิล ฟาน ฟาน ไดค์ กัปตันทีมมาโหม่งประตูชัยให้หงส์แดงและเหล่าเดอะค็อป ทั่วโลก ได้ปลดปล่อยความยินดี ในช่วงนาที 118
นี่คือหมุดหมาย แชมป์แรก ในฤดูกาลสั่งลาของเยอร์เก้น คล็อปป์ , มันเหมือนเป็นการนับ 1 ในซีซั่นส่งท้ายของเขา ต่อจากนี้ จะได้เต้นรำกับถ้วยพรีเมียร์ลีก , เอฟเอ คัพ และ ยูโรป้า ลีก ตามมาอีกหรือไม่ คำตอบเหล่านี้ คงอยู่กับอนาคต แต่อย่างน้อยๆ แฟนบอลจะเห็น นักเตะลิเวอร์พูล ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในสภาพไหนก็ตาม
ก่อนแข่ง , กองเชียร์ลิเวอร์พูล เมื่อดูจาก สภาพทีม อาจจะคิดลึกๆในใจว่า นี่คือช่วงเวลาอันมืดมน น่าหวาดหวั่น และ ไม่มั่นใจ แต่ใครเลยจะรู้ว่า "ความืดที่แท้จริง มันทำให้เป็นแรงผลักดันสู่แสงสว่าง"
และ ในช่วงเวลาแห่งการนับถอยหลังการทำงานของเยอร์เก้น คล็อปป์ กับ ลิเวอร์พูลนั้น มัน ไม่มีคำว่า ยอมแพ้ ในพจนานุกรมของนักสู้!
ส่วนหัวใจหัวใจของแข้งหงส์แดง ตอนนี้ ที่ ทุ่มเทให้ "บอสคล็อปป์" ก็คงจะเป็นประมาณว่า "ตอนอยู่ด้วยกัน จงอยู่ในกันให้คุ้ม จะได้ไม่มารู้สึกเสียดายกันทีหลัง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
