สรุปให้ ปมปัญหา "เพศ" ในวงการวอลเลย์บอล เมื่อ ดราม่าเกิด วอลเลย์บอลเวียดนาม ชุดยู -21 โดนตรวจโครโมโซม ดราม่าหญิงแท้ -หรือพัฒนาการทางเพศผิดปกติ และลุกลามไปถึงคนดัง ชุดใหญ่อย่างน้อง "ตู้เย็น"
วงการวอลเลย์บอลเอเชียกำลังสั่นสะเทือนจากประเด็นที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนที่สุดประเด็นหนึ่ง นั่นคือเรื่อง "เพศสภาพ" ของนักกีฬา เมื่อ สหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติ (FIVB) ได้มีคำสั่งลงโทษทีมชาติเวียดนามอย่างหนัก หลังตรวจพบว่าผู้เล่น 2 รายในทีมรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ไม่มีคุณสมบัติในการลงแข่งขันในฐานะนักกีฬาหญิง เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน แต่ยังสาดไฟกลับไปยังกรณีของ เหงียน ทิ บิค เตวียน (Nguyễn Thị Bích Tuyền) หรือ "ตู้เย็น" (หากอ่านนามสกลุ Tuyền แบบภาษาอังกฤษ) ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติเวียดนามชุดใหญ่ ผู้ซึ่งเป็นศูนย์กลางของข้อกังขาเรื่องเพศสภาพมานานหลายปี
ดราม่าที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เหตุการณ์ล่าสุดที่จุดชนวน ไปจนถึงกรณีปริศนาของ "ตู้เย็น" และย้อนรอยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเจ็บปวดของการพิสูจน์เพศในโลกกีฬา ซึ่งเต็มไปด้วยความสับสน ความไม่เป็นธรรม และคำถามที่วิทยาศาสตร์เองก็ยังหาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้
ในการแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลกรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีที่อินโดนีเซีย ทีมชาติเวียดนามทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผู้เล่น 2 คน คือ ดัง ทิ ฮอง และ เหงียน ฟอง กวินห์ ถูก FIVB จับตรวจโครโมโซม หลังมีทีมร่วมสายท้วงติงถึงความผิดปกติทางสรีระ
ผลการสอบสวนของ FIVB สร้างความตกตะลึงไปทั่ว เมื่อมีการประกาศว่าผู้เล่นดังกล่าว "ไม่มีสิทธิ์ลงแข่งขัน" ตามข้อบังคับขององค์กร ส่งผลให้เวียดนามถูกปรับแพ้ในทุกนัดที่ผู้เล่นคนดังกล่าวลงสนาม จากทีมที่เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม กลับต้องร่วงไปเล่นในรอบจัดอันดับ 17-25 แทน
คำตัดสินที่เด็ดขาดนี้ ส่งแรงสั่นสะเทือนโดยตรงไปยังกรณีของ เหงียน ทิ บิค เตวียน (Nguyễn Thị Bích Tuyền) หรือที่แฟนกีฬาชาวไทยเรียกกันว่า "ตู้เย็น" ซึ่งเป็นนักกีฬาที่ถูกตั้งคำถามเรื่องเพศสภาพมากที่สุดในปัจจุบัน
บิค เตวียน คือปรากฏการณ์ของวงการวอลเลย์บอลเวียดนาม ในช่วงที่ผ่านมา เธอสูงถึง 188 เซนติเมตร มีพลังตบที่หนักหน่วงรุนแรงราวกับผู้ชาย และมีสถิติกระโดดตบที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์นักกีฬาหญิงของเวียดนาม ในปี 2021 เธอสร้างสถิติโลกด้วยการทำคนเดียว 61 แต้ม ในแมตช์เดียว ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเหลือเชื่อและไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
แต่ความเก่งกาจของเธอกลับมาพร้อมกับคำถามตัวใหญ่ๆ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแข็งแกร่ง ผมสั้น และโครงสร้างร่างกายที่ดูเหมือนผู้ชาย ทำให้เกิดข้อสงสัยไปทั่วอาเซียนว่า แท้จริงแล้วเธอเป็นใครกันแน่ ?
ผู้หญิงที่มีพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างหนัก?
ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าปกติ?
บุคคลที่มีภาวะ DSD (Disorder of Sexual Development) หรือภาวะเพศกำกวม?
หรือเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวมาแข่งขัน?
ทางออกที่ชัดเจนที่สุดคือการ "ตรวจโครโมโซม" หากผลเป็น XX ทุกข้อสงสัยจะจบลง แต่หากเป็น XY สถานะของเธอก็จะเปลี่ยนไปตลอดกาล แต่ปัญหาคือ บิค เตวียน และสมาคมวอลเลย์บอลเวียดนามปฏิเสธที่จะเข้ารับการตรวจมาโดยตลอด
ฝั่งเวียดนามยืนยันในความเป็นหญิงของเธอโดยอ้างอิงหลักฐานหลายประการ:
เอกสารทางราชการ: ทั้งสูติบัตร บัตรประชาชน และพาสปอร์ต ระบุว่าเธอเป็นเพศหญิงตั้งแต่เกิด
ชื่อตามธรรมเนียม: ชื่อกลางของเธอคือ "Thi" ซึ่งเป็นชื่อกลางที่ใช้สำหรับผู้หญิงในเวียดนาม
รสนิยมทางเพศ: การที่เธอมีแฟนเป็นผู้หญิง ไม่ควรเป็นเหตุผลในการกีดกันจากการแข่งขัน เพราะนักกีฬาหญิงที่เป็นเลสเบี้ยนมีอยู่มากมายทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่มีการตรวจที่ชัดเจน และ FIVB เองก็ไม่มีกฎบังคับให้นักกีฬาต้องตรวจโครโมโซม (ทำได้เพียงขอความร่วมมือ) บิค เตวียน จึงยังคงลงแข่งขันได้ภายใต้ความคลุมเครือนี้ต่อไป และสร้างผลงานอันน่าทึ่ง รวมถึงการพาทีมชาติเวียดนามคว้าแชมป์ซีวีลีก 2025 โดยเอาชนะทีมชาติไทย และตัวเธอเองก็คว้ารางวัล MVP ไปครอง
กรณีของ ตู้เย็น ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นภาพสะท้อนของประวัติศาสตร์อันยาวนานและซับซ้อนของวงการกีฬาในการพยายาม "พิสูจน์เพศ" ของนักกีฬาหญิง ซึ่งหลายครั้งนำไปสู่โศกนาฏกรรมส่วนบุคคลและความอัปยศในที่สาธารณะ
ประเด็นนี้มักเกี่ยวข้องกับภาวะ Intersex หรือ ความผิดปกติของพัฒนาการทางเพศ (Disorders of Sexual Development - DSD) ซึ่งเป็นภาวะที่บุคคลมีลักษณะทางชีวภาพ (โครโมโซม, ต่อมเพศ, หรืออวัยวะเพศ) ที่ไม่ตรงตามคำจำกัดความของเพศชายหรือหญิงโดยทั่วไป
กรณีที่โด่งดังที่สุดในยุคปัจจุบันคือ แคสเตอร์ เซเมนยา นักวิ่งชาวแอฟริกาใต้ เจ้าของสองเหรียญทองโอลิมปิก เธอเกิดมาพร้อมกับโครโมโซม XY แต่มีภาวะที่ร่างกายไม่สามารถพัฒนาร่างกายให้เป็นชายได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เธอถูกเลี้ยงดูในฐานะผู้หญิงมาตลอด กรณีของเธอนำไปสู่กฎของสหพันธ์กรีฑาโลกที่บังคับให้นักกีฬาที่มีภาวะ DSD และมีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนสูง ต้องใช้ยาเพื่อลดระดับฮอร์โมนลงหากต้องการแข่งขันในประเภทหญิง ซึ่งเซเมนยาปฏิเสธและต่อสู้ในฐานะการเลือกปฏิบัติทางสิทธิมนุษยชน
เช่นเดียวกับ อิมาน เค-ลิฟ นักมวยชาวแอลจีเรีย ที่กลายเป็นประเด็นร้อนในโอลิมปิก 2024 แม้เธอจะถูกสมาคมมวยสากลนานาชาติ (IBA) ตัดสิทธิ์จากการแข่งขันชิงแชมป์โลก เมื่อปี 2023 หลังตรวจพบโครโมโซม XY แต่คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) กลับอนุญาตให้เธอลงแข่งขันได้ในโอลิมปิก 2024 สร้างความสับสนและโต้เถียงอย่างรุนแรงถึงมาตรฐานที่ไม่สอดคล้องกันขององค์กรกีฬา
ในอดีต การตรวจสอบนั้นโหดร้ายและน่าอัปยศยิ่งกว่า ตั้งแต่การบังคับให้นักกีฬาเปลื้องผ้าให้แพทย์ตรวจในทศวรรษ 1960 ไปจนถึงการตรวจโครโมโซมที่ทำให้ มาเรีย โจเซ มาร์ติเนส-พานิโน นักวิ่งชาวสเปนต้องถูกขับออกจากทีมชาติในปี 1985 เพียงเพราะเธอมีโครโมโซม XY แม้ร่างกายของเธอจะไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชายเลยก็ตาม
ข้อถกเถียงทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นความจริงที่ว่า เพศทางชีวภาพนั้นซับซ้อนกว่าแค่การแบ่งเป็น XX (หญิง) และ XY (ชาย) อย่างสิ้นเชิง
ภาวะที่เรียกว่า DSD (Differences of Sexual Development) หรือที่รู้จักในชื่อ "อินเตอร์เซ็กส์" (Intersex) คือภาวะที่บุคคลเกิดมาพร้อมกับลักษณะทางเพศ (โครโมโซม, ต่อมเพศ, หรืออวัยวะเพศ) ที่ไม่เข้ากับนิยามมาตรฐานของเพศชายหรือหญิง ตัวอย่างเช่น:
Swyer Syndrome: บุคคลมีโครโมโซม XY แต่ร่างกายพัฒนาอวัยวะสืบพันธุ์เป็นเพศหญิง
Androgen Insensitivity Syndrome (AIS): บุคคลมีโครโมโซม XY แต่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนเพศชาย
5-alpha-reductase deficiency: บุคคลมีโครโมโซม XY แต่ถูกระบุเป็นหญิงเมื่อแรกเกิด ก่อนที่ลักษณะความเป็นชายจะค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นในวัยเจริญพันธุ์
บุคคลเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูมาในฐานะเพศหญิงตามลักษณะอวัยวะเพศภายนอก และพวกเขาก็รับรู้ตัวเองว่าเป็นผู้หญิงมาตลอดชีวิต การถูกตั้งคำถามและบังคับให้พิสูจน์ "ความเป็นหญิง" ของตนเองในเวทีกีฬาระดับโลกจึงเป็นการสร้างบาดแผลทางจิตใจอย่างรุนแรง
กรณีของสองนักกีฬาวอลเลย์บอลเยาวชนเวียดนาม และมหากาพย์ของ "ตู้เย็น" ได้สะท้อนถึงทางแพร่งที่วงการกีฬากำลังเผชิญหน้าอยู่ ระหว่าง ความพยายามที่จะสร้างความยุติธรรม (Fair Play) ในการแข่งขันของสตรี กับ การเคารพสิทธิมนุษยชนและความซับซ้อนทางชีวภาพ ของนักกีฬาแต่ละคน
การใช้เกณฑ์โครโมโซมหรือฮอร์โมนเพียงอย่างเดียวเพื่อขีดเส้นแบ่งเพศ ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีข้อบกพร่องและสร้างปัญหามากกว่าการแก้ไข ตราบใดที่ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่เป็นสากล ชัดเจน และเคารพในความหลากหลายทางชีวภาพของมนุษย์ ข้อถกเถียงเช่นนี้จะยังคงเกิดขึ้นต่อไปในสนามแข่งขันทั่วโลก ทิ้งไว้เพียงคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า "ความยุติธรรมที่แท้จริง" ในโลกกีฬาควรมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ที่มา : volleyballworld time bloomberg
ข่าวที่เกี่ยวข้อง