ทำความรู้จัก กรรมการฟุตบอล ผู้มีฉายา ใบเหลืองเปื้อนรอยยิ้ม : ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ ผู้ตัดสินไทยคนแรก - ผู้สร้างประวัติศาสตร์บนเวทีฟุตบอลโลก ปี 1998
ในสนามฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส หรือฟรองซ์ 98 ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการกีฬาไทยได้ถูกเขียนขึ้น ไม่ใช่โดยนักฟุตบอล แต่โดยชายร่างเล็กผู้มีนกหวีดอยู่ในมือและรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าเสมอ... "เปาอั๋น" ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ คือชื่อที่แฟนบอลทั่วโลกได้รู้จัก และคือตำนานที่คนไทยจะไม่มีวันลืม กับ "ใบเหลืองเปื้อนรอยยิ้ม"
ย้อนกลับไปเมื่อ 27 ปีก่อน การได้เห็นคนไทยยืนหยัดอย่างสง่างามในสนามแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติอย่างฟุตบอลโลก ถือเป็นความฝันที่ไกลและยิ่งใหญ่มากๆ แต่ อาจารย์ภิรมย์ ในวัย 45 ปี ณ ขณะนั้น ได้ทลายกำแพงนั้นลงอย่างราบคาบ เขากลายเป็นผู้ตัดสินชาวไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับเกียรติให้ลงทำหน้าที่ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
"ผมภูมิใจมาก" อาจารย์ภิรมย์เคยกล่าวไว้ "ตอนนั้นผมไม่ได้นึกเลยว่าจะต้องทำหน้าที่เพื่อตัวเอง แต่ผมทำหน้าที่แทนประเทศไทย แทนทวีปเอเชีย และแทน FIFA ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ๆ "
ความยิ่งใหญ่นั้นปรากฏชัดใน 2 นัดสำคัญของรอบแบ่งกลุ่ม คือเกมระหว่าง นอร์เวย์ พบ โมร็อกโก และ ไนจีเรีย ปะทะ ปารากวัย ท่ามกลางนักเตะระดับโลกที่พร้อมจะปะทะคารมทุกวินาที ภาพของผู้ตัดสินจากสยามประเทศที่ควบคุมเกมด้วยความเด็ดขาดแต่ยังคง "รอยยิ้ม" ไว้เสมอ ได้สร้างความประทับใจและกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สื่อทั่วโลกขนานนามเขาว่า "The Smiling Referee" หรือ "ใบเหลืองเปื้อนรอยยิ้ม"
แต่อย่าให้รอยยิ้มนั้นลวงตา เบื้องหลังความสุภาพอ่อนโยนคือความเข้มงวดในกติกาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ก่อนจะถึงฟร้องซ์ '98 อาจารย์ภิรมย์ได้พิสูจน์ฝีมือมาแล้วในเวทีสุดหินอย่าง FIFA Confederations Cup 1997 รอบชิงชนะเลิศ ที่บราซิลถล่มออสเตรเลียไป 6-0 แม้แต่ยอดดาวยิงอย่าง โรนัลโด้ "R9" ก็ยังต้องยอมรับใบเหลืองจากเปาอั๋นในข้อหาเจตนาใช้มือเล่นบอลโดยไม่มีข้อโต้แย้ง
เส้นทางสู่ฟุตบอลโลกของเขาไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการเตรียมตัวอย่างหนักหน่วงและวินัยอันเป็นเลิศ ในวัย 45 ปี ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการทำหน้าที่ผู้ตัดสินฟีฟ่า เขายังคงรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์ทัดเทียมกับนักเตะที่หนุ่มกว่าเกือบค่อนชีวิต
"ผมในอายุ 45 ที่ต้องเจอกับนักฟุตบอลที่อายุ 20-30 กว่า ค่อนข้างยาก" อาจารย์ภิรมย์เคยเล่าเอาไว้ "การเตรียมร่างกายผมต้องซ้อมเช้าเย็น ก่อนทัวร์นาเมนต์ 2 เดือน FIFA จะเชิญผู้ตัดสินไปทวนกติกาและทดสอบสมรรถภาพ ถ้าไม่ผ่านก็โดนส่งกลับทันที"
ช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดของเขา ไม่ใช่การแจกใบแดงหรือเป่าจุดโทษ แต่เป็นวินาทีที่เสียงประกาศดังก้องในสนามว่า "Mister Pirom from Thailand"... "ตรงนี้เราค่อนข้างขนลุกเหมือนกัน เรามาในนามประเทศไทยนะ"
นี่คือหัวใจของเรื่องราวทั้งหมด การเดินทางของอาจารย์ภิรมย์ไม่ใช่แค่ความสำเร็จส่วนบุคคล แต่คือการปักธงชาติไทยไว้บนแผนที่ฟุตบอลโลก คือการพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก หากมีความมุ่งมั่นและวินัยอย่างแท้จริง
ทุกวันนี้ แม้จะแขวนนกหวีดไปแล้วในวัย 71 ปี แต่อาจารย์ภิรมย์ อั๋นประเสริฐ ในช่วงที่ผ่านมา ก็ยังคงอุทิศตนให้กับวงการฟุตบอลในฐานะผู้ประเมินผู้ตัดสินและคณะกรรมการของสมาคมฯ เขายังคงทิ้งปรัชญาการทำงานที่ทรงคุณค่าไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้
"ความนิ่งช่วยทุกอย่างได้ ถ้าเราไม่โกรธ กติกาก็จะออกมาถูกต้อง" นี่คือคำแนะนำในการรับมือกับแรงกดดันมหาศาลในสนามที่เปาอั๋นเคยบอกไว้
"ความสุภาพไม่ใช่การพูด 'ครับผม' ตลอดเวลา แต่คือการให้เกียรติในฐานะเพื่อนร่วมวงการกีฬา... อะไรที่มันยั่วโมโหมาก ๆ เราก็ทำเป็นไม่ได้ยินซะ เดี๋ยวทุกอย่างก็จะผ่านไป"
เรื่องราวของ "เปาอั๋น" จึงเป็นมากกว่าความทรงจำในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอล มันคือบทพิสูจน์ของความพยายาม คือสัญลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพ และคือเปลวไฟแห่งแรงบันดาลใจที่ยังคงลุกโชนอยู่ในใจของนักกีฬา ผู้ตัดสิน และคนไทยทุกคนที่ฝันจะก้าวไปให้ถึงเวทีระดับโลก.
กับปัจจุบันที่มีกระแสข่าวว่า อาจารย์อั๋น ป่วยหนัก นอนป่วยเป็นโรคไต รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช...
เราได้แต่ส่งกำลังใจให้ บุคคลที่เคยเป็น แรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ และคนในวงการฟุตบอล...กลับมาแข็งแรง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง