ศาลรัฐธรรมนูญ ไร้วาระการหารือกรณี 41 ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ถือหุ้นสื่อ ขณะที่ผลสำรววพบประชาชนร้อยละ 81 สนับสนุนให้ตรวจสอบส.ส.ถือหุ้นสื่อทั้งสภา เพื่อเป็นมาตรฐานทั้ง 2 ฝ่าย
หลังจากที่วานนี้ (18 มิ.ย.62) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า พรรคอนาคตใหม่กำลังติดตามบรรทัดฐานการพิจารณาของ 41 ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล ที่อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติจากการถือครองหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
ที่ถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งหากเทียบกับกรณีของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ศาลฯ มีมติรับคำร้องไว้พิจารณา และสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ภายใน 7 วัน
โดยในวันนี้ (20มิ.ย.62) มีรายงานว่า ในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตามปกติทุกวันพุธ จะยังไม่มีวาระพิจารณากรณีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องของ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยคุณสมบัติ ส.ส.พรรครัฐบาล ทั้ง 41 คน โดยจะมีเพียงวาระเรื่องทั่วไปเท่านั้น
ขณะที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้สำรวจความคิดเห็นเรื่องเรื่อง "กรณี ส.ส.ถือครองหุ้นสื่อ" ระหว่างวันที่ 17-18 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ในกลุ่มตัวอย่าง 1,257 หน่วย พบส่วนใหญ่ร้อยละ 81.38 เห็นด้วยกับการตรวจสอบคุณสมบัติของ ส.ส. ทุกคนเกี่ยวกับการถือครองหุ้นสื่อ เพื่อความเท่าเทียมกัน เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อความโปร่งใส ยุติธรรม และป้องกันการทุจริต
ขณะที่ร้อยละ 8.83 ไม่เห็นด้วย เพราะต้องมีการตรวจสอบในช่วงตั้งแต่ยังไม่ได้เป็น ส.ส.และอาจก่อให้เกิดความวุ่นวาย ส่วนประชาชนอีก 9.79% ไม่ทราบ, ไม่ตอบ, ไม่สนใจ
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 57.44 ยังเห็นว่าหาก ส.ส.จำนวนมากมีแนวโน้มพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากการถือครองหุ้นสื่อก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย หากใครมีลักษณะต้องห้ามก็ควรพ้นจากตำแหน่ง รองลงมาร้อยละ 16.87 เห็นว่านายกรัฐมนตรีควรใช้อำนาจยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่
ส่วนอีกร้อยละ 9.47 ระบุว่าทั้ง 2 ฝ่ายควรเจรจาเพื่อยุติการฟ้องร้องซึ่งกันและกัน ขณะที่ร้อยละ 6.44 ระบุว่าสมาชิกรัฐสภาร่วมกันยื่นเรื่องเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยด่วน ส่วนร้อยละ 3.18 ระบุว่า หากยังไม่มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่ ให้ คสช.ใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหา