“อดีตกรธ.” ยัน “ชวน” มีอำนาจวินิจฉัย สมาชิกภาพส.ส.ของ “นวัธ” ระบุหากยังสรุปไม่ได้ รัฐธรรมนูญเปิดช่อง ตามมาตรา 82 ให้ หากมีความสงสัยต่อสมาชิกภาพของส.ส. กำหนดให้ ส.ส. เข้าชื่อ 1 ใน 10 ร้องขอต่อประธานสภาฯ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
วันนี้ 26 ก.ย.62 อดีตกรธ. ชี้ “ชวน” มีอำนาจวินิจฉัย สมาชิกภาพส.ส.ของ “นวัธ” เหตุ สภาฯ เป็นองค์กรกำกับการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ระบุ รธน.ม.82 เปิดช่องให้ยื่นศาลรธน. หากมีข้อสงสัย ให้ความเห็นตามนรธน. “นวัธ” หลุดส.ส. เพราะถูกคุมขังโดยหมายศาล แม้สู้คดีไม่สุด แจง กรณีพ้น ส.ส. ด้วยเหตุสู้คดีถึงที่สุด มีเฉพาะบางกรณี แต่ข้อหาจ้างวานฆ่า ถือว่ารุนแรง-เจ้าตัวควรลาออกเอง
นายอุดม รัฐอมฤต อดีตโฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวต่อประเด็นที่นายชวน หลีกภัย สภาผู้แทนราษฎร ไม่วินิจฉัยสมาชิกภาพของนายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย หลังจากที่ถูกคุมขังโดยหมายศาล ตามที่ศาลชั้นต้นศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาให้ประหารชีวิตข้อหาจ้างวานฆ่า ว่าตามความเห็นของตน ประธานสภาฯ และสำนักงานเลขาธิการสภาฯ สามารถใช้อำนาจวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวได้
เนื่องจากเป็นองค์กรที่ต้องดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ดังนั้นเมื่อมีประเด็นว่า ส.ส.คนใดจะปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ องค์กรของสภาฯ ต้องเป็นผู้พิจารณาวินิจฉัยได้ ซึ่งเทียบกับกรณีที่ ส.ส.เสียชีวิต สภาผู้แทนราษฎรสามารถทำหนังสือถึงกรณีสิ้นสมาชิกภาพได้ และส่งเรื่องให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฐานะผู้มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ดำเนินการเลือกตั้งใหม่ได้ต่อไป
นายอุดม กล่าวยอมรับด้วยว่า อดีตกรธ.ไม่ได้ระบุบทบัญญัติที่ชัดเจนต่อกรณีดังกล่าวไว้ในเนื้อหา เพราะเป็นไปตามบทบาทขององค์กรที่มีหน้าที่ดูแล โดยสภาฯ ถือเป็นองค์กรที่ดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ส่วน กกต. คือ หน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวหากมีความเห็นที่ไม่เป็นข้อสรุปหรือยุติ รัฐธรรมนูญเปิดช่อง ตามมาตรา 82 ให้ หากมีความสงสัยต่อสมาชิกภาพของส.ส. กำหนดให้ส.ส.เข้าชื่อ 1 ใน 10 ร้องขอต่อประธานสภาฯ ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย หรือ ให้ กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้
“หากส.ส.ไม่สงสัย หรือ กกต. ไม่ทำเรื่อง ความคลุมเครือของสมาชิกภาพของ ส.ส. จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพราะผมเชื่อว่าพรรคที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้คงไม่ทำ ทั้งนี้ผมยืนยันว่ากรณีของคุณนวัธนั้น ถือว่าพ้นสมาชิกภาพของ ส.ส. แล้ว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (6) กำหนดที่ระบุว่าต้องคำพิพากษาและถูกคุมขังโดยหมายของศาล โดยไม่ต้องรอให้คำพิพากษาถึงที่สุด ทั้งนี้คดีที่ศาลพิพากษาแม้เป็นศาลชั้นต้น แต่เป็นข้อหาที่รุนแรง และควรต้องลาออกด้วยตนเอง ส่วนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) ที่กำหนดให้ศาลพิพากษาถึงที่สุด เป็นเฉพาะกรณีที่กำหนดไว้ ซึ่งกรณีที่ว่านั้นต้องได้รับการพิสูจน์จนถึงที่สุด” นายอุดม กล่าว