จ่อหารือแก้ข้อบังคับ "สุทิน" ย้ำจุดยืนฝ่ายค้าน ไม่นับคะแนนใหม่

วันนี้ (2 พ.ย. 62) นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะทำงานประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการขอแก้ระเบียบการประชุมสภาฯ ด้วยการขอให้มีการนับคะแนนใหม่ ว่า จะมีการหารือกันอีกครั้งในพรรคร่วมฝ่ายค้าน เนื่องจากคนเห็นถึงปัญหาในข้อปฏิบัติแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งฝ่ายรัฐบาลขอให้นับคะแนนใหม่ หลังโหวตแพ้กรณีที่ฝ่ายค้านเสนอมติตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบ ม.44 เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า เป็นการลงคะแนนใหม่ และวอล์กเอาท์จนสภาล่มในที่สุด

ซึ่งการนับคะแนนใหม่ สามารถทำได้ตามระเบียบข้อบังคับ แต่ต้องดูเจตนารมณ์ให้ชัดเจน ว่า การนับคะแนนใหม่ต้องมีมูลเหตุอะไรบ้าง อาทิ การนับคะแนน ส่อไปในทางไม่สุจริต หากมีการยื่นญัตติขอแก้ไขข้อบังคับดังกล่าว ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรสามารถยื่นรายละเอียดได้ตามปกติของกระบวนการสภา

ส่วนกรณีที่รัฐบาลยืนยันจะไม่ถอนญัตติการนับคะแนนใหม่นั้น ฝ่ายค้ายก็ยังคงยึดจุดยืนเดิม แต่จะมีการหารือกันอีกครั้งในช่วงเช้าวันพุธ เพราะฝ่ายค้านก็เล็งเห็นว่าหากองค์ประชุมไม่ครบ ก็ต้องต้องปิดการประชุมอีก ทำให้การพิจารณาเรื่องอื่นไม่สามารถดำเนินการต่อได้

แต่ถ้าฝ่ายรัฐบาลคนไม่พอจริงๆ ฝ่ายค้านอาจเข้าไปนั่งให้องค์ประชุม เพื่อให้มีการดำเนินวาระต่อไปได้ แต่ถ้ารัฐบาลจะต้องให้ฝ่ายค้านไปนั่งให้องค์ประชุมครบเป็นการสะท้อนว่ารัฐบาล ไม่ใช่แค่เสียงปริ่มน้ำ แต่ไม่มีเสถียรภาพเลย

อย่างไรก็ตาม ประชาชนทราบรายละเอียดแล้วว่า เพราะเหตุใด จึงต้องเดินออกจากห้องประชุม และทราบดีว่าฝ่ายค้านทำเพื่อประชาชน ถ้ารัฐบาลยังยืนยัน ที่จะนับคะแนนใหม่ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ หากมั่นใจว่าองค์ประชุมครบ แต่ทางฝ่ายค้านก็ยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม ทั้งนี้ จะต้องดูต่อไปว่า หากมีการนับคะแนนใหม่ อาจผิดรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ ทางฝ่ายค้านจะนำเรื่องนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม นายสุทิน ยังได้กล่าวถึง กรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลนัดกินข้าวกันเพื่อให้เกิดความมีเสถียรภาพในรัฐบาลมากขึ้นนั้น ตนมองว่า ถ้ามีเสถียรภาพกลับมานั้น ตนเอาใจช่วยให้ฝ่ายรัฐบาลมีเสถียรภาพมากกว่านี้ เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ นายสุทิน กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า จะยื่นประมาณปลายเดือนมกราคม เพื่อให้มีการพิจารณาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งที่ไม่ยื่นในช่วงนี้ตามที่เคยแถลงไว้นั้น เพราะคิดว่าหากมีการอภิปรายจะติดในช่วงปีใหม่ อาจทำให้เรื่องนี้ดูไม่มีความหมายไปได้