svasdssvasds

"ไพบูลย์" ร่อนหนังสือขอเลื่อนญัตติปลด "เสรีพิสุทธิ์" ขึ้นพิจารณา ก่อนเปิดศึกซักฟอก

"ไพบูลย์" ร่อนหนังสือขอเลื่อนญัตติปลด "เสรีพิสุทธิ์" ขึ้นพิจารณา ก่อนเปิดศึกซักฟอก

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เสนอเลื่อนญัตติปลด "เสรีพิสุทธิ์" ขึ้นพิจารณา คาดก่อนวันอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน

นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ญัตติเรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณามีมติให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พ้นจากการเป็นกรรมาธิการ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 108(5) โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นผู้เสนอ และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรับรองจำนวน 51 คนนั้น ได้ปรากฏในระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 วาระการประชุมที่ 6.9 แล้ว คาดว่าจะมีการขอเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุมสภา ก่อนวันที่จะมีการพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน

ในญัตติดังกล่าวได้มีสาระสำคัญว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย ผู้ได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎรให้ดำรงตำแหน่งเป็น กรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งต่อมาได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการคณะดังกล่าว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้กระทำการตรวจสอบการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งอยู่ในเขตพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยไว้วางพระราชหฤทัยให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว

ดังที่ปรากฏตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 35/2562 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำสั่งว่า “การถวายสัตย์ปฎิญาณต่อพระมหากษัตริย์ของคณะรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์” และปรากฎในส่วนท้ายว่า “หลังจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฎิญาณจบ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้น้อมนำเป็นแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดิน และต่อมาเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2562 เวลา 9.00 นาฬิกา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีได้เข้ารับพระราชดำรัสในโอกาสเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฎิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ซึ่งพระราชทานเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมทั้งทรงลงพระปรมาภิไธย โดยเข้ารับต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ชั้น 5 ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล การถวายสัตย์ปฎิญาณต่อพระมหากษัตริย์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด

แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้อาศัยสถานะความเป็นประธานคณะกรรมาธิการฯ ทำการตรวจสอบการถวายสัตย์ปฎิญาณของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ทั้งที่เรื่องดังกล่าวอยู่ในเขตพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยไว้วางพระราชหฤทัย ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินไปแล้ว แม้นในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563 กรรมาธิการฯจำนวน 8 คน  ซึ่งเป็นเสียงข้างมากของคณะกรรมาธิการฯ ได้มีมติให้ยุติการตรวจสอบการถวายสัตย์ปฎิญาณของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการฯ ยังฝ่าฝืนที่จะดำเนินการตรวจสอบการถวายสัตย์ปฎิญาณของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีต่อไป

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จึงไม่สมควรที่จะปฎิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการฯและกรรมาธิการฯ อีกต่อไป โดยเหตุที่ได้ปฎิบัติหน้าที่ไปโดยไม่มีอำนาจตรวจสอบ ดังที่ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ในคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ 35/2562 และ ได้กระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อที่ 90 (22) และฝ่าฝืนมติกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก

ดังนั้น จึงขอเสนอญัตติด่วนดังกล่าวมาตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 45 และข้อ 50 ประกอบข้อ 108 (5) เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการมีมติให้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส พ้นจากการเป็นกรรมาธิการ ในคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ส่วนเหตุผลและรายละเอียดต่างๆจะได้แถลงและชี้แจงในที่ประชุมสภาฯต่อไป

"ไพบูลย์" ร่อนหนังสือขอเลื่อนญัตติปลด "เสรีพิสุทธิ์" ขึ้นพิจารณา ก่อนเปิดศึกซักฟอก "ไพบูลย์" ร่อนหนังสือขอเลื่อนญัตติปลด "เสรีพิสุทธิ์" ขึ้นพิจารณา ก่อนเปิดศึกซักฟอก "ไพบูลย์" ร่อนหนังสือขอเลื่อนญัตติปลด "เสรีพิสุทธิ์" ขึ้นพิจารณา ก่อนเปิดศึกซักฟอก

related