ไพบูลย์ - สมชาย แท๊กทีมโต้ลงชื่อเสนอญัตติให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ไม่ใช่การเตะถ่วง
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส. และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงกรณีการเสนอเข้าชื่อพร้อมสมาชิกรัฐสภา รวม73 คน เพื่อเสนอญัตติขอมติรัฐสภาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2 ฉบับของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ในการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ตามมาตรา 256 ว่าไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
โดยนายไพบูลย์ กล่าวว่า การเสนอญัตติครั้งนี้ เป็นไปตามข้อบังคับ เพื่อให้ประธานรัฐสภาบรรจุระเบียบวาระให้ที่ประชุมพิจารณา สำหรับเหตุผลที่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะทางสมาชิกวุฒิสภา หลายคนทักท้วงว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ซึ่งเมื่อพิจารณาข้อกฎหมายพบว่า มีปัญหาที่จะต้องทำความชัดเจน ก่อนที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสิ้นสุดกระบวนการ เพราะไม่ได้ต้องการให้สะดุดหยุดลงตั้งแต่ต้น
ดังนั้น จะให้มีการพิจารณา รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง6ฉบับไปก่อนแล้วให้รัฐสภาพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญหลังรับหลักการแล้ว และหากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง ยืนยันว่าจะไม่ทำให้การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับในวาระ2ต้องหยุดลง
ดังนั้นระหว่างศาลยังวินิจฉัยไม่เสร็จ การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญยังคงดำเนินต่อไป จนถึงวาระ 3 เลยก็ได้ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาถ่วงเวลา เพราะ ตน และ ส.ว. เห็นตรงกันว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องการให้เป็นไปอย่างถูกต้อง
ด้านนายสมชาย ยืนยันว่า วุฒิสภามีหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย เมื่อพิจารณาแล้ว พบว่าการตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมาจัดทำรัฐธรรมนูญนั้น อาจเข้าข่ายเป็นการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ถือเป็นการเติมเชื้อไฟ และเชื่อว่าการส่งศาล จะไม่เป็นเงื่อนไขให้สมาชิกตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่การพิจารณารับหลักการในวาระแรก ทั้งนี้น้อมรับมติของศาลรัฐธรรมนูญหากยื่นไปแล้วศาลจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร