SHORT CUT
เบื้องหลังคดีลอบสังหาร อาเบะ ไม่ได้มาจากการเมือง แต่มาจากความแค้นที่มือปืนมีต่อโบสถ์ Unification Church (UC) ที่ทำให้แม่ของเขาบริจาคเงินจนครอบครัวล้มละลาย!
การลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ชินโซ อาเบะ กลางลานปราศรัยในเมืองนารา เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2022 ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนโลก แต่หลังการไต่สวนอย่างละเอียด พบว่าแรงจูงใจหลักของการลอบสังหารครั้งนี้ไม่ได้มาจากความขัดแย้งทางการเมือง แต่เป็นความแค้นส่วนตัวที่มีรากฐานมาจากศาสนา และเผยให้เห็นความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงระหว่างการเมืองกับศาสนาที่ดำเนินมายาวนานกว่า 3 ชั่วอายุคน
มือปืนในคดีนี้คือ เท็ตสึยะ ยามากามิ ซึ่งมีความแค้นที่สั่งสมมานานต่อองค์กรศาสนาที่เรียกว่า Unification Church หรือ UC (ปัจจุบันใช้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า Family Federation for World Peace and Unification)
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1998 เมื่อแม่ของยามากามิเข้าร่วม UC และกลายเป็นสมาชิกผู้ศรัทธาอย่างแรงกล้า สิ่งที่ตามมาคือการบริจาคทรัพย์สินของครอบครัวให้กับองค์กรนี้อย่างต่อเนื่องและเป็นจำนวนมหาศาล จนกระทั่งครอบครัวต้องล้มละลาย
ยามากามิเล่าว่า แม่ของเขาได้บริจาคเงินให้ UC เป็นจำนวนเกือบ 100 ล้านเยน (ประมาณ 22 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินเกือบทั้งหมดของครอบครัว ผลจากการบริจาคครั้งนี้ทำให้ยามากามิซึ่งเคยเป็นเด็กเรียนดีไม่สามารถเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้ ชีวิตของเขาพลิกผันไปในทิศทางที่แย่ลงอย่างสิ้นเชิง
เป้าหมายแรกของยามากามิคือ ฮัก จา ฮัน ภรรยาของผู้ก่อตั้ง UC ที่กลายเป็นผู้นำองค์กรหลังจากสามีเสียชีวิต แต่เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงตัวเธอได้ เขาจึงหันมาเล็งเป้าหมายใหม่
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อยามากามิได้เห็นวิดีโอคลิปที่ชินโซ อาเบะส่งไปสนับสนุนกิจกรรมของ Universal Peace Federation (UPF) ซึ่งเป็นองค์กรพันธมิตรของ UC ในยามากามิมองว่าอาเบะคือ "ผู้สนับสนุนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด" ของ UC ในโลกแห่งความเป็นจริง และเป็นผู้ที่ให้ความชอบธรรมแก่องค์กรที่ทำลายชีวิตครอบครัวเขา
สิ่งที่น่าสนใจคือความสัมพันธ์ระหว่าง UC กับตระกูลอาเบะนั้นมีรากลึกมากกว่าที่คิด โดยสืบทอดกันมาถึง 3 ชั่วอายุคน ในบรรดาตระกูลการเมืองที่ทรงอิทธิพลของญี่ปุ่น
ในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โลกเข้าสู่ยุคสงครามเย็น ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดในสายตาของประเทศทุนนิยมคือลัทธิคอมมิวนิสต์ โนบุสุเกะ คิชิ อดีตนายกรัฐมนตรีและปู่ของชินโซ อาเบะ จึงเริ่มความสัมพันธ์กับ UC ที่เพิ่งก่อตั้งในเกาหลีใต้
UC ภายใต้การนำของ ซุน มยอง มูน ก่อตั้งองค์กรต่อต้านคอมมิวนิสต์ชื่อ International Federation for Victory over Communism (IFVOC) ในปี 1968 ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีศัตรูร่วมและกลายเป็นพันธมิตรธรรมชาติ
รายงานระบุว่าสำนักงานใหญ่แห่งแรกของ UC ในญี่ปุ่นตั้งอยู่บนที่ดินที่เคยเป็นของคิชิในโตเกียว และเจ้าหน้าที่ของ UC เข้าเยี่ยมบ้านพักของคิชิอยู่เป็นประจำ
ความสัมพันธ์นี้สืบทอดต่อมาถึงรุ่นของ ชินทาโร่ อาเบะ พ่อของชินโซ อาเบะ ซึ่งช่วยรักษาสายสัมพันธ์อันดีระหว่างตระกูลกับ UC ต่อเนื่อง
มาถึงยุคของชินโซ อาเบะ ความสัมพันธ์นี้ได้รับการสานต่ออย่างชัดเจนผ่านการกระทำหลายอย่าง
ในปี 2015 ขณะที่อาเบะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สอง รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ ชิโมมูระ ฮาคุบุน ได้อนุมัติให้ UC เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น Family Federation for World Peace and Unification (FFWPU) ซึ่งเป็นคำขอที่ UC เรียกร้องมานาน หลายฝ่ายมองว่าการเปลี่ยนชื่อนี้ช่วยให้องค์กรสามารถปกปิดอดีตที่เป็นข้อขัดแย้งได้
นอกจากนี้ การวิจัยยังพบว่าสมาชิก 10 ใน 20 คนในคณะรัฐมนตรีอาเบะชุดที่สี่มีความเชื่อมโยงกับ UC แม้แต่น้องชายของอาเบะ คือ โนบุโอะ คิชิ ก็ถูกบังคับให้เปิดเผยว่าเขาได้รับการสนับสนุนจาก UC ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
Unification Church ก่อตั้งโดย ซุน มยอง มูน ชาวเกาหลีใต้ในปี 1954 ผู้ซึ่งประกาศตนเองเป็นพระเมสสิยาห์องค์ที่สอง องค์กรนี้มีหลักคำสอนที่น่าสนใจคือการจำแนกประเทศ โดยมองว่าญี่ปุ่นเป็น "ชาติอีฟ" ที่ทรยศต่อเกาหลี "ชาติอาดัม" เนื่องจากการรุกรานในอดีต
หลักการนี้กลายเป็นเหตุผลสำคัญในการบีบให้สมาชิกชาวญี่ปุ่นบริจาคเงินจำนวนมหาศาลเพื่อ "ชดใช้บาปของบรรพบุรุษ" และ "ล้างกรรมบรรพบุรุษเชิงลบ" เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานของบรรพบุรุษในนรก
UC ใช้วิธีการที่เรียกว่า "การขายทางจิตวิญญาณ" โดยขายสินค้าที่มีราคาสูงเกินจริง เช่น ตราประทับ โกศ หรือคริสตัล โดยใช้เรื่องราวเกี่ยวกับคำสาปวิญญาณที่ไม่ดีเพื่อกระตุ้นให้เกิดความวิตกกังวลและบริจาค
เครือข่ายทนายความแห่งชาติเพื่อต่อต้านการขายทางจิตวิญญาณ (Zenkoku Benren) ได้รวบรวมสถิติความเสียหายที่อ้างว่าเกิดจาก UC ระหว่างปี 1987 ถึง 2021 จากการร้องเรียน 34,537 คดี รวมมูลค่าประมาณ 123.7 พันล้านเยน
เครือข่ายนี้ได้ยื่นคำร้องเรียกค่าเสียหายประมาณ 35,000 คดี และช่วยกู้เงินคืนได้มากกว่า 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7 พันล้านบาท) ตั้งแต่ปี 1987 โดยรายงานระบุว่าเงินส่วนใหญ่ที่สนับสนุนการดำเนินงานทั่วโลกของ UC มาจากผู้ติดตามชาวญี่ปุ่น
หลังจากการลอบสังหารอาเบะ รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มตื่นตัวและดำเนินการอย่างจริงจัง ในเดือนตุลาคม 2023 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเพิกถอนสถานะองค์กรศาสนาของ UC และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2025 ศาลแขวงโตเกียวได้มีคำสั่งยุบองค์กร UC อย่างเป็นทางการ แม้ว่า UC จะได้ยื่นอุทธรณ์แล้วก็ตาม
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องแปลกแยกจากบริบทไทย ในสังคมไทย ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองท้องถิ่นกับพระสงฆ์ก็มีลักษณะของระบบอุปถัมภ์ที่คล้ายคลึงกัน
นักการเมืองให้การสนับสนุนทางการเงินหรือสิ่งของแก่วัด โดยหวังว่าพระสงฆ์จะช่วยเป็นฐานเสียงหรือโน้มน้าวประชาชนให้รู้จักและสนับสนุนนักการเมือง ในขณะที่พระสงฆ์ได้รับการสนับสนุนสำหรับกิจกรรมทางศาสนา
ความแตกต่างคือในกรณีของญี่ปุ่น UC ถูกกล่าวหาว่าเป็น "องค์กรธุรกิจที่แสวงหากำไร" มากกว่าองค์กรศาสนา และใช้หลักคำสอนเพื่อกดดันให้ผู้ศรัทธาบริจาคจนล้มละลาย
คดีลอบสังหารชินโซ อาเบะสะท้อนให้เห็นความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับการเมือง เมื่อความเชื่อถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมือง อาจส่งผลเสียต่อทั้งผู้ศรัทธาและระบบประชาธิปไตย
การที่รัฐจะเข้าแทรกแซงองค์กรศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะสร้างความแตกแยกทางศาสนาในสังคม แต่เมื่อมีการใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือฉ้อโกงหรือแสวงหาผลประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม การดำเนินการของรัฐก็กลายเป็นสิ่งจำเป็น
ท้ายที่สุด การเมืองและศาสนาต่างก็เป็นเรื่องของ "ความเชื่อ" ความเชื่อว่าชีวิตของเราจะดีขึ้นได้จากการศรัทธาในอุดมการณ์บางอย่าง แต่เมื่อความเชื่อนั้นถูกบิดเบือนเพื่อผลประโยชน์ของคนกลุ่มหนึ่ง ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงกว่าที่คิด และในกรณีของญี่ปุ่น นำไปสู่การสูญเสียชีวิตของผู้นำประเทศที่มีอิทธิพลคนหนึ่ง