svasdssvasds

แจกแพลนเที่ยว อิสตันบูล แบบครบจบในทริปเดียว

แจกแพลนเที่ยว อิสตันบูล แบบครบจบในทริปเดียว

อิสตันบูล เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรม ผู้คน ศาสนา และสิ่งปลูกสร้างที่หลากหลาย แต่อยู่ด้วยกันได้แบบลงตัว วันนี้เฟรมเลยมาแนะนำ 9 จุดท่องเที่ยวที่ต้องไปเมื่อมาถึง อิสตันบูล

เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีแต่คนแนะนำให้ไปสักครั้งในชีวิตเพราะเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรม ผู้คน ศาสนา และสิ่งปลูกสร้างที่หลากหลาย แต่ที่ว่ามาสามารถอยู่ด้วยกันได้แบบลงตัว วันนี้เฟรมเลยมาแนะนำ 9 จุดท่องเที่ยวที่ต้องไปเมื่อมาถึง อิสตันบลู

1.ล่องเรือ Bosphorus

ที่แรกเมื่อถึงเพื่อปูพื้นความเข้าใจของเมืองนี้ก็เลยต้องมาล่องเรือผ่านช่องแคบ Bosphorus เพื่อดูภูมิศาสตร์กันก่อน ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศ ทั้งพระราชวังโดลมาบาชเช่ หอคอยกาลาตา ปอมปรกรMosque หรือมัสยิด และบ้ายของมหาเศรษฐี ยิ่งช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกสวยงามมากและที่ตรงนี้ยังสำคัญมากๆ เพราะเป็นจุดบรรจบของ 2 ทวีป ทั้งเอเชีย และยุโรป 

2.พระราชวังโดลมาบาเช (Dolmabahçe Palace) 
สำหรับที่นี่ห้ามถ่ายภาพด้านในโดยเด็ดขาด เฟรมก็เอาภาพความอลังการด้านนอกมาให้ดูนะคะ ที่นี่เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในทูร์เคียร์ ถูกออกแบบ ด้วยองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม แบบผสมผสานกันของสไตล์บาร็อค, โรโกโก, นีโอคลาสสิก และออตโตมันแบบดั้งเดิม ด้านในมีของบรรณาการที่น่าสนใจอย่างเช่นโคมไฟแชนเดอเรียที่หนักกว่า 5,000 กก. ใหญ่ที่สุดในโลก และพรมทอมือที่ผืนใหญ่ที่สุด 
 

3.Hagia Sophia
ภาษากรีกเรียกว่า “ฮาเกียโซเฟีย” และในภาษาตุรกีเรียกว่า “อายาโซเฟีย” ซึ่งในปัจจุบันที่นี่กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ ในยุคนึงที่นี่เคยเป็นวิหารของศาสนาคริศต์ ที่อลังการลำหน้าสุดๆกับรูปทรงโดมขนาดใหญ่ที่ไม่มีเสาค้ำตรงกลางได้ ในยุคนั้นถือว่ามหัศจรรย์สุดๆ จนกระทั่งสุลต่านเมห์เม็ดที่ 2 แห่งอาณาจักรออตโตมัน ตีเมืองนี้ที่นี่ก็ได้ถูกทำให้กลายเป็นมัสยิดแทนได้ประมาณ 500 ปี พอมีการซ่อมแซม โดยในปี ค.ศ. 1847 จึงทำให้เริ่มเห็นว่าแท้ที่จริงแล้วยังมีศิลปะของศาสนาคริสต์ถูกซ่อนอยู่ ใครที่ได้เข้าไปด้านในก็คงจะพยายามมองหาร่องรอยในอดีตแบบเฟรมแน่ๆ แต่ล่าสุด บริเวณที่ชั้น 2 ห้ามขึ้นไปแล้วนะคะ ที่นี่ได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 7 ของสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง

4. Blue Mosque (สุเหร่าสีน้ำเงิน)
 เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองนครอิสตันบูล เป็นสุเหร่าที่สร้างขึ้นเพื่อต้องการเอาชนะและต้องการให้มีขนาดใหญ่กว่า “ฮาเกียโซเฟีย” และในปัจจุบันที่นี่ก็ยังใช้ประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ ตามปกติ 

5. Yerebatan “อ่างเก็บน้ำเยเรบาตัน” 
ซึ่งเป็นอุโมงค์น้ำใต้ดินขนาดใหญ่เก็บน้ำได้ราว 100,000 ตัน ถือว่าเป็นต้นแบบด้านวิศวกรรมและการชลประทานของยุคนี้เลยนะใครมีโอกาสได้มาอยากให้ลองสังเกตเสาค้ำของที่นี่ไม่เหมือนกันเลย เพราะเขาใช้เสาจากวิหารที่หมดศรัทราแล้วมาสร้างที่นี่ และที่ห้ามพลาดคือเสาที่มีหัวเมดูซ่า กลับหัวอยู่

6.Galata tower
หอคอยนี้ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.1891 เป็นรูปทรงกระบอกสูงประมาณ 67 เมตร มีทั้งหมด 9 ชั้น สร้างขึ้นเพื่อเป็นหอสังเกตการณ์เพื่อป้องกันข้าศึกที่เข้ามารุกรานจากทางทะเล ปัจจุบันสามารถขึ้นไปชมวิวจากด้านบนได้ด้วย

7. Topkapi palace
จุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่ความอลังการของสิ่งปลูกสร้าง แต่เป็น Location เห็นวิวของเมืองอิสตันบูลได้ชัดแจ๋ว ทั้งอ่าว Golden Horn, ทะเลมาร์มะรา และช่องแคบบอสฟอรัสและ Landscape ที่กว้างขวางผังของที่นี่คล้ายกระโจมของชาวเติร์กในอดีต ที่นี่เดินเพลินมากแบบ 3 ชั่วโมงไม่พอแน่ๆ 

8. Balat
ย่านท่องเที่ยวใหม่ของชาวชิคๆ ระแวกนี้เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ของชาวยิว เพิ่งกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะถ่ายรูปออกมาสวยงามจากตึกแถวที่มีสีสันสดใส ตั้งอยู่บนเนินสลับไปมา มีคาเฟ่ ร้านค้า ของที่ระลึก น่ารักๆเพียบ

9. Spice market
ตลาดแห่งนี้มีผังเป็นรูปตัวแอล L มีขนาดไม่ได้ใหญ่มาก สำหรับคนที่จะซื้อของฝากที่เป็นพวกของกินต้องซื้อที่นี่ เพราะที่ Grand Bazaar จะเป็นของที่ระลึกจำพวกของใช้มากกว่า