svasdssvasds

ผลสำรวจ เผยหลัง WFH พนักงาน 86% ไม่อยากกลับเข้าออฟฟิศทุกวัน

ผลสำรวจ เผยหลัง WFH พนักงาน 86% ไม่อยากกลับเข้าออฟฟิศทุกวัน

ผลสำรวจ เผยหลัง Work For Home (WFH) พบพนักงานมากถึง 86% ไม่อยากกลับเข้าออฟฟิศทุกวัน ขณะที่บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เริ่มปรับรูปแบบการทำงานแล้ว แบบ Hybrid และ Remote Work แล้ว เพราะได้ผลงานและประสิทธิภาพการทำงานที่ดีไม่ต่างกับการเดินทางมาออฟฟิศ

เมื่อพนักงานเริ่มรู้ว่าการ Work From Home ของพวกเขามีประสิทธิภาพไม่ต่างและอาจดีกว่าการทำงานที่ออฟฟิศเลย ทำให้พนักงานส่วนใหญ่ต้องการทำงานจากที่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน หลังจากผลสำรวจกว่า 10,000 คนทั่วโลก พวกเขาอยากเข้างานแค่วันอังคาร วันพุธ และวันพฤหัสบดี 

ซึ่งขณะนี้บริษัทยักษ์ใหญ่เช่น Citigroup, HSBC หรือ NatWest ก็ได้ให้พนักงานทำงานแบบ Hybrid แล้ว และในประเทศไทยได้มีหลากหลายบริษัทที่ได้เลือกใช้การทำงานแบบ Remote Work และได้ผลงานและประสิทธิภาพการทำงานที่ดีไม่ต่างกับการเดินทางมาออฟฟิศ 
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :


การทำงานแบบ Hybrid และ Remote Work คืออะไร ?

การทำงานแบบ Hybrid Working คือ รูปแบบการทำงานที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศ บ้าน หรือที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ แทนการทำงานรวมอยู่ในออฟฟิศที่เดียว เพื่อให้พนักงานได้มีอิสระและสร้างบรรยากาศการทำงานที่มีความครีเอทีฟและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น หรือการทำงานแบบนี้เรียกง่ายๆว่า Flexible Working หรือการทำงานแบบยืดหยุ่นนั่นเอง

ซึ่งมีเหตุผลปัจจัยหลายๆอย่างที่น่าวิเคราะห์เกี่ยวกับพนักงานออฟฟิศในประเทศไทยว่าทำไม ? พวกเขาถึงไม่อยากทำงานที่ออฟฟิศ

ค่าเดินทาง ซึ่งเฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่าวันละ 150 บาท

ในประเทศไทยและยิ่งเป็นกรุงเทพมหานคร มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่นใดๆก็ตามมีการชาร์จเพิ่มค่าเรียกรถ หรือหากคนที่ใช้ขนส่งสาธารณะอย่าง BTS, MRT บางครั้งก็มีราคาที่สูงพอสมควร และนี่คือหนึ่งปัจจัยในการทำงานที่จะทำให้พนักงานรู้สึกว่าเขาสูญเสียค่าเดินทางในแต่ละเดือนไม่น้อยเลยทีเดียว

เวลาในการเดินทาง อย่างน้อย 30 นาที หากไม่ได้อยู่คอนโดหรือบ้านใกล้ที่ทำงาน

ปัญหาการจราจร รถติด ส่งผลต่อการทำงานทั้งวันอย่างแน่นอน หากคุณต้องเข้าออฟฟิศ และใช้เวลาเดินทางตอนเช้าและกลับบ้าน ไม่ต่ำกว่า 1-2 ชม. เชื่อว่าจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงอย่างแน่นอน และสภาพร่างกายอาจอ่อนเพลียได้จากการจราจรที่แออัดหรือขนส่งสาธาณะที่แออัดและแย่งกันเดินทาง 

บรรยากาศในที่ทำงาน

บางครั้งพนักงานออฟฟิศบางคนมีลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันซึ่งยกตัวอย่างเช่น พนักงานบางคนเป็น Extrovert ชอบเฮฮา สังสรรค์ ชอบคุยกับเพื่อนๆร่วมงาน ทำกิจกรรมร่วมกัน แต่กลับกันพนักงานบางคนก็มีนิสัยเป็น Introvert คือไม่ชอบยุ่งกับใคร ไม่ชอบคุยกับใครมากมาย คุยเฉพาะเรื่องที่จำเป็น ซึ่งแต่ละตำแหน่งงานมีความจำเป็นของบรรยากาศแตกต่างกัน ทำให้เห็นได้ว่าบางคนสามารถทำงาน Work from Home ได้ดีกว่าการทำงานในออฟฟิศ

ค่าอาหาร

อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่บางครั้งหัวหน้างานอาจมองข้ามไป ค่าอาหาร ค่ากาแฟ ค่าน้ำและขนมในแต่ละวันที่ต้องใช้ชีวิตในออฟฟิศ และเมื่อช่วงโควิดกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้าน ทุกอย่างกับไม่จำเป็นและสามารถสะดวกต่อการจัดการ เช่น ทานข้าวที่บ้าน ชงกาแฟทานเอง ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายมากพอสมควรที่จะเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำไมพนักงานออฟฟิศไม่อยากเข้าออฟฟิศทุกวัน

อัพเดทล่าสุด Twitter บริษัทยักษ์ใหญ่ได้ประกาศ Work From Home อย่างไม่มีที่สิ้นสุด และสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ที่คุณคิดว่าจะช่วยให้คุณ Productive และ Creative มากที่สุด 

ผลวิจัยนี้ก็อาจเป็นประโยชน์ต่อนายจ้างหรือผู้บริหารธุรกิจบริษัทต่างๆที่อาจปรับตัวให้เข้ากับพนักงาน และบางครั้งรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอาจทำให้ยอดขายหรือผลลัพธ์ของบริษัทดีขึ้น

การทำงานแบบเข้าออฟฟิศเพียง 3 วันแบบนี้ อาจช่วยแก้ปัญหารถติดได้ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งบางบริษัทเอกชนอาจจะสลับไปเข้าวันอื่นภายในอาทิตย์ ถ้าทุกบริษัทร่วมมือกัน อาจทำให้เวลาในการเดินทางลดลง ค่าใช้จ่ายก็ลดลง และอาจส่งผลไปถึงเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปในอนาคต

เราจึงอยากให้หลากหลายบริษัททำความเข้าใจการทำงานรูปแบบใหม่ที่อาจสามารถช่วยให้มีประสิทธิภาพในการทำงานขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ลดภาวะตึงเครียดจากเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเดินทาง,เวลาในการเดินทาง,บรรยากาศ หรือค่าอาหารที่หลายๆคนกังวลใจที่ไม่เพียงพอกับรายรับ 

related