เตือนภัย คนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า สาวแชร์ประสบการณ์ป่วยอัมพฤกษ์ หามส่งรพ.
เตือนภัย คนไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า สาวแชร์ประสบการณ์ ระวังป่วย อัมพฤกษ์-เส้นเลือดในสมองตีบ เหตุเลือดข้น หนืด จับเป็นก้อน
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Vishita Punranuu (ปาล์ม มินิ) ได้แชร์ประสบการณ์ครบรอบ 1 ปี หลังจากรักษาตัว
เพื่อเตือนภัยคนที่ไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า หามส่งเข้า ICU พบเส้นเลือดในสมองตีบ สมองบวม เนื่องจากเลือดข้น ไหลช้า เพราะร่างกายไม่ได้รับน้ำเปล่า โดยระบุว่า
แชร์เป็นวิทยาทานได้เลยคะ เตือนคนรักอย่าเลื่อนผ่าน ถ้าคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ภัยเงียบ รู้ไว้ก่อนจะสาย ไม่มีสัญญาณเตือน อัมพฤกษ์ คุณอาจไม่โชคดีเหมือนฉัน ตลอด เวลาหลายปี ฉันไม่ เคยดื่มน้ำเปล่าเลย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใช่คะฟังไม่ผิด ไม่ว่าจะหิว เหนื่อย กระหาย หรือ หลังทานข้าวทานยา อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำเปล่าสีใสๆ ฉันทานได้หมด นมเปรี้ยว ชา โกโก้ น้ำอัดลม น้ำสี น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชู กำลัง ที่พูดมาทั้งหมดนี้ฉันกินมันแทนน้ำเปล่า คะ เพราะ คิดว่ายังไงมันก็คือน้ำ น้ำ อะ มันก็เหมือนกันปะ จนเมื่อปีที่แล้ว ฉันเริ่มมีอาการปวดหัว ปวดแบบจี๊ดๆๆ แบบไมเกรน กินยาก็หาย แบบนี้ อยู่เดือนสองเดือน แล้ววันที่ 12/7/64 ฉันเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว อยู่ๆ ก็เหมือนคนปิดไฟแล้วเปิด พอฉันลุกขึ้นยืนตัวมันก็เอียงซ้ายอัตโนมัติ ผิดปกติแล้วฉันรีบตั้งสติเดินออกจากห้องน้ำ เรียกแฟน พอแฟนเข้ามา ฉันก็ล้มทั้งยืน ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีกซ้าย อ้วกพุ้งที่บ้านพาฉันส่ง รพ ภายใน 30 นาทีฉันเข้าอุโมง MRI สแกน
ผลปรากฏ เส้นเลือดในสมองตีบ สมองบวม ถ้าไม่หยุดบวม ต้องผ่าสมอง นอนไอซียู ดูอาการ 2 คืน ตรวจสอบหาสาเหตุหัวใจ ทุกอย่างปกติ สรุปฉันโชคดีมันหยุดบวมแต่ฉันเดินไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายของฉันมันไม่ทำงานเหมือนเดิม ทุกอย่างล้มเหลว ตาตก ปากเบี้ยวพูดไม่ชัด อาบน้ำเองยังไม่ได้ เดินไม่ได้ ฉันอยู่ รพ 1 อาทิตย์ ต้องกายภาพเพื่อจะให้กลับมาเดินได้ ช่วยเหลือ ตัวเองให้ได้ อีกครั้ง ฉันฟื้นฟูตัวเอง อยู่ 2เดือนกว่า รักษาทุกอย่าง กินทุกยา ฝั่งเข็ม หมด หลายบาทมาก จนฉันกลับมาเดินได้ ร่างกาย 80%ไม่เต็ม100 แต่แค่นี้มันก็ดีมากแล้ว
สรุป ที่ป่วยครั้งนี้ เพียงเพราะ ร่างกาย ฉันไม่ได้รับน้ำเปล่า ทำให้เลือดข้น เลือดหนืด มาก ไหลเวียนช้า จับตัวเป็นก้อน
ดีที่ไม่กระทบเส้นเลือดสมองด้านความจำ หรือ ทำให้แตกฉันคงไม่มีโอกาสได้เล่าเป็นวิทยาทานให้ทุกคนฟัง ลุกขึ้นไปหยิบน้ำเปล่า กินด่วนคะ
12/7/65 ครบรอบ 1 ปี ยังไม่หายดี เสียเงินค่ารักษา ค่ายา แพงมาก ทั้งๆ ที่น้ำเปล่า เป็นยาที่ดีที่สุด และราคาไม่แพง
สำหรับหลายคนที่สงสัยและเข้าข่ายมีพฤติกรรมเช่นเดียวกันนี้ Spring มีคำตอบมาช่วยให้คุณดื่มน้ำเปล่าให้เหมาะสมกับร่างกายมากขึ้น
ดื่มน้ำเปล่าเท่าไหร่ถึงจะดีกับร่างกาย
การดื่มน้ำเปล่า คือ พื้นฐานของการดำรงชีวิต ระดับของ "ความเพียงพอ" ของการดื่มน้ำในแต่ละวัน จึงเป็นปริมาณขั้นต่ำที่เอื้อให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกาย
หลักการคำนวนง่าย ๆ ที่ใช้ได้ครอบคลุมมากกว่าก็ คือการคำนวณตามน้ำหนักตัว โดยเอาน้ำหนักตัว (หน่วยกิโลกรัม) คูณด้วย 30 ก็จะได้ปริมาณน้ำขั้นต่ำในหน่วยมิลลิลิตรที่ควรดื่มในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีน้ำหนัก 50 กก. คูณด้วย 30 เท่ากับ 1,500 มิลลิลิตร หรือ 1.5 ลิตร นั่นเอง ด้วยการคำนวณวิธีนี้ เราก็จะไม่ต้องทรมานกับการดื่มน้ำเกินกำลังจนทำให้เกินการจุกเสียดแน่นท้อง
แต่ถ้ากิจกรรมแต่ละวันคุณต้องเสียเหงื่อมากกว่าปกติ เช่น ออกกำลังกาย หรือ ในวันที่มีอากาศร้อนมากๆ ควรจิบน้ำ ดื่มน้ำเปล่า ทุกๆ 15 นาทีเพื่อป้องกันสภาวะร่างกายขาดน้ำ
หรือมีสัญญาณเตือนภายนอกเช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ก็แสดงว่าร่างกายกำลังต้องการน้ำ ซึ่งน้ำมีผลต่อผิวพรรณและความเปล่งปลั่งสดใสให้แก่เราเช่นเดียวกัน
ควรดื่มน้ำเปล่าเวลาไหนของวัน? ให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
เบื้องต้นสามารถใช้สูตรนี้เพื่อช่วยกำหนดเวลาในชีวิตประจำวันได้ ดังนี้
- หลังตื่นนอน 1 แก้ว เพื่อขจัดภาวะขาดน้ำจากการนอนหลับที่ยาวนาน ช่วยลดความข้นหนืดของเลือด กระตุ้นการเลือดไหลเวียนโลหิตและการขับถ่ายได้ดี
- ก่อนมื้อเช้าครึ่งชั่วโมง 1 แก้ว ถือเป็นการวอร์มระบบย่อยอาหาร โดยยังไม่ไปเจือจางน้ำย่อย และหลังจากจบมื้ออาหารก็ให้จิบน้ำเพียงครึ่งแก้วก็พอ
- ช่วงเช้า 1-2 แก้ว เพื่อลดการสูญเสียน้ำในระหว่างวัน
- ช่วงบ่าย 2-3 แก้ว อุณหภูมิที่สูงขึ้นในช่วงบ่าย รวมไปถึงความเครียดและความเหนื่อยล้าจากการทำงานตลอดทั้งวัน อาจทำให้เราสูญเสียน้ำได้ง่ายกว่า
- ช่วงเย็น 2 แก้ว โดยแบ่งเป็นครั้งละ 1 แก้ว ก่อนและหลังมื้อเย็น 1 ชั่วโมง
- หนึ่งแก้วก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อลดปัญหาการตื่นมาปัสสาวะกลางดึก และช่วยให้เซลล์ในร่างกายมีความชุ่มชื้น พร้อมสำหรับการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายโดยไม่ขาดน้ำ
ใครจะคิดว่าการดื่มน้ำเปล่ากิจวัตรประจำวันในชีวิตเราเพียงเรื่องเดียวจะสามารถส่งผลกระทบกับชีวิตได้ขนาดนี้รู้แล้วอย่าลืมจิบน้ำบ่อยๆ และเพียงพอกับกิจกรรมในแต่ละวันของคุณอย่างสม่ำเสมอ
