ตำรวจไทย ร่วมกับ ทางการเวียดนาม บุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ เมืองโฮจิมินต์ ประเทศเวียดนาม ได้ผู้ต้องหา ทั้งชาวไทยและต่างชาติ รวม 18 ราย มูลค่าความเสียหาย ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 บช.ทท. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ.บช.น.และนายกิตติพงศ์ กิตติขจร รองผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกันแถลงผลการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเวียดนามได้ผู้ต้องหา 18 ราย ณ ห้องประชุมชั่วคราว สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ
รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า การเข้าจับกุมในเป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจไทย และ กองบังคับการความมั่นคงอินเตอร์เน็ตและป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีและเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม หลังสืบสวนขยายผลจากข้อมูลของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังมีการหลอกลวงคนไทย ใช้คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านเมืองใหม่ กลางเมืองโฮจิมินห์ เป็นที่ตั้ง
ตรวจสอบห้องพัก 4 ห้อง พบ อุปกรณ์สื่อสาร คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์ สมุดบัญชีธนาคาร โพยรายชื่อ เจ้าหน้าที่รัฐจากหน่วยปราบปรามยาเสพติด หน่วยปราบปรามการฟอกเงิน รวมถึง บทกำหนดการสนทนากับผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดพร้อมควบคุมตัว คนไทย 16 คน และ ชาวไต้หวัน อีก 2 คน
รอง ผบช.ทท. ในฐานะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การจับกุมคอลเซนเตอร์รายนี้ มาจากข้อมูลผู้เสียหายรายล่าสุด ที่สูญเงินไปกว่า 800,000 บาท เหตุเกิดท้องที่ สถานีตำรวจนครบาลหัวหมาก จึงสั่งให้สืบสวนหาข้อมูล จนทราบว่า คอลเซนเตอร์รายนี้ ลักลอบใช้คอนโดมิเนียมในประเทศเวียดนาม เป็นสถานที่หลอกเหยื่อ ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายโดยรวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
หลังสอบสวนเสร็จ ทางการเวียดนาม จะส่งผู้ต้องหาชาวคนไทย 16 คน กลับมา ซึ่งทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีสถานหนักใน 3 ข้อหา คือ ฉ้อโกงประชาชน กระทำความผิดตาม พระราชบัญญัติ มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้ง ความผิดฐานฟอกเงิน ส่วนผู้เป็นนายหน้า จัดหาคนไทยไปทำงานในต่างแดน ขณะนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลไปจับกุมมาดำเนินคดี