svasdssvasds

บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ร่วมมอบเงิน 12 ล้านก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล

บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ร่วมมอบเงิน 12 ล้านก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล

บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือมอบเงิน 12 ล้านสนับสนุนการก่อสร้างอาคารนิติเวชโรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อที่จะสามารถให้บริการด้านการเก็บศพ

วันที่ 24 ธันวาคม 2562 เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมสาเกต ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลร้อยเอ็ด นายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือในการสนับสนุนการก่อสร้างอาคารนิติเวช โรงพยาบาลร้อยเอ็ด จากนายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ จำนวน 5ล้านบาท (ห้าล้านบาทถ้วน)และ นางรัตนา สมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู จำนวน 7 ล้านบาท (เจ็ดล้านบาทถ้วน)รวม 12 ล้านบาท (สิบสองล้านบาทถ้วน) เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารนิติเวชโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 โดยมีพระครูวิมลบุญโกศล ประธานมูลนิธิบุญโกศล,นายเลิศบุศย์ กองทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด,นายปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดร้อยเอ็ด และนางจวงจิรา สุริยวนากุล นายกสมาคมนักธุรกิจแห่งประเทศไทยจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน

โดยโรงพยาบาลร้อยเอ็ดและมูลนิธิ มีระยะเวลาการร่วมมือ ตามข้อตกลงนี้ กำหนดระยะเวลา 1 ปีนับตั้งแต่ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและสามารถต่ออายุได้คราวละไม่ เกิน1 ปี เพื่อการสร้างตึกนิติเวชของโรงพยาบาลร้อยเอ็ด จนกว่าจะแล้วเสร็จ

บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ร่วมมอบเงิน 12 ล้านก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล

นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ กล่าวว่า ความจริงเป้าหมายการ นำเงินที่รับบริจาค ช่วยเหลือน้ำท่วม ในพื้นที่หลายจังหวัด รวมทั้งจังหวัดร้อยเอ็ดไปแล้วนั้น และเงินส่วนหนึ่งที่เหลือ ก็เห็นว่าสามารถที่จะนำมาให้ความช่วยเหลือ แก้ปัญหาของประชาชนที่รับผลกระทบ และเดือดร้อนทุกด้าน ของประชาชนได้ รวมทั้งได้รับการร้องขอ ความร่วมมือ จากทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ด

เพื่อขอแบ่งเงินที่ได้รับบริจาค มาสร้างตึกนิติเวช สร้างตึก ขึ้นเพื่อเก็บศพ ของผู้เสียชีวิต ของโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ซึ่งบ่อยครั้ง ที่ผู้เสียชีวิตที่ญาติยังไม่มารับ และเกิดปัญหาที่เก็บศพไม่เพียงพอ และบางราย ถึงกับ เก็บไว้นาน เกินกว่า 1 ปีเพื่อรอญาติ ซึ่งนับเป็นปัญหาสำคัญ ที่จะต้องเก็บไว้รอญาติมารับ รวมทั้งต้องรอขบวนการตังค์ตามขั้นตอนทางกฎหมายอีกมากมาย ซึ่งต้องการรอรับความช่วยเหลือ ดังนั้นจึงได้นำเงินส่วนที่เหลือ จากการบริจาคช่วยน้ำท่วม ซึ่งช่วยอุบล ขอนแก่น ยโสธร มหาสารคาม และร้อยเอ็ดแล้ว ยังมีเงินเหลืออยู่ จึงพิจารณาว่าควรจะนำเงินมาให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่เกิดประโยชน์มากที่สุด และไม่รับข้อเสนอ จากโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ขอรับสนับสนุน เงินให้ความช่วยเหลือ เพื่อสร้างตึกนิติเวช มายังตนเอง และตรวจสอบแล้ว พบว่าห้องนิติเวชก็เป็นส่วนสำคัญที่สุด ส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลร้อยเอ็ดที่มีปัญหา ด้านการเก็บศพ และด้านการอำนวยความสะดวกทุกด้าน ของผู้เสียชีวิต เพื่อรอญาติ เพื่อแก้ปัญหาสถานที่ไม่เพียงพอและคับแคบ แบบชั้นเดียว จึงเห็นชอบที่จะมอบเงินให้ความช่วยเหลือ สร้างให้เป็น ตึกนิติเวช แบบ 3 ชั้น ให้เพียงพอต่อการใช้สอยบริการ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์อย่างเพียงพอ ซึ่งได้มีการนำ แนวคิดนี้ เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการ ที่ดูแลเงินบริจาคแล้วมีความเห็นชอบ ถึงมอบเงินให้ 5 ล้านบาทจากการบริจาค ช่วยน้ำท่วม และนอกจากนั้นแล้ว ยัง ได้รับเงินบริจาคเพิ่มเติม จากนางสาวรัตนาสมสกุลรุ่งเรือง ประธานมูลนิธิร่วมกตัญญู เพิ่มเติมให้อีกจำนวน 7 ล้านบาท รวมเป็น 12 ล้านบาท เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์

บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ร่วมมอบเงิน 12 ล้านก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล

จึงได้ร่วมกัน กับหลายภาคส่วน ร่วมกันทำ MOU เป็นสักขีพยาน ในการ ก่อสร้างตึกนิติเวชของโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ให้แล้วเสร็จ ตามเป้าหมายภายใน 1 ปี เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดเป็น ตึกนิติเวช ที่มาตรฐานอีกแห่งรองจาก จ.อุบล และขอนแก่น ซึ่งในส่วนของจังหวัดร้อยเอ็ดสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ในจังหวัดข้างเคียง ที่สามารถมาใช้บริการและก่อประโยชน์ได้สูงสุดต่อไป

บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ร่วมมอบเงิน 12 ล้านก่อสร้างอาคารโรงพยาบาล

ในขณะทางด้าน นายแพทย์ชลวิทย หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ดกล่าวว่า หลังจากได้รับการก่อสร้างตึกนิติเวช เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ก็จะสามารถบริการด้านการเก็บศพของผู้เสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็นศพไร้ญาติศพ ที่มีญาติ พี่จะเชื่อประโยชน์ได้ทุกด้าน ได้ โดยสมบูรณ์แบบ ด้านการเก็บศพ เพื่อคดีความ รวมทั้งสามารถ ผ่าพิสูจน์ศพ ที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดได้ รวมทั้งยังสามารถเก็บศพเพื่อต่อการเก็บไว้เพื่อรอการประกอบพิธีกรรมตามความต้องการของผู้เสียที่ต่างกันทางด้านศาสนาก็สามารถมาใช้บริการได้ ซึ่งหลังจากได้รับงบประมาณจากการบริจาคแล้วตามขั้นตอนหลังการบริจาคนี้แล้ว ก็เสนอขอรับความเห็นชอบจากกระทรวงสาธารณ สุขเพื่อให้ปลัดกระทรวงอนุมัติให้ใช้พื้นที่ดำเนินการก่อสร้างที่จะใช้เวลาไม่นานเกิ นกว่า 1 ปี ก็สามารถเปิดให้ใช้บริการได้ต่อไป

related