ร้อยเอ็ดพบผู้ป่วยโควิดแล้ว 1 ราย เป็นจนท.ตำรวจเดินทางมาบวช จากกรุงเทพฯ

ผู้สื่อข่าว​เดินทางไปบ้านป่ายาง​หมู่2​ ต.ขอนแก่น​ อ.เมืองร้อยเอ็ด​ เข้าพบ​ นายนายไฉน​ เปียมโนรี​ ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง​กรณี​ตำรวจ​มาบวชพระในหมู่บ้าน​แล้วมีอาการไข้สูง เดินทางเข้าขอรับการตรวจอาการที่​ รพ.ร้อยเอ็ด​ เมื่อวันที่17​ มีนาคม​ 2563 ซึ่งเกรงว่าตัวเองจะป่วยเป็นโควิค​19​ ซึ่งปรากฏ​ว่า​ที่บ้าน​ ผญบ​. มีเจ้าที่สาธารณะสุข​และ รพ.สต.​ มาสอบสวนข้อเท็จจริง​พร้อมกับให้การแนะนำการปฎิบัติ​ ตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วยโควิค-19ให้กับชาวบ้าน​และแนะนำให้สวมหน้ากาก​อนามัย​และปฎิบัติ​ตนให้​ถูก​ต้องตามหลักสุขอนามัย​สาธารณสุข​เพื่อป้องกันการเกิดโรค​และติดเชื้อดังกล่าว

ทางด้าน ผู้ใหญ่บ้าน นายไฉน​ เปียมโนรี เปิดเผยข้อเท็จจริง ของตำรวจที่ มาบวชพระในหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นชาวบ้านเดียวกัน กล่าวว่า บุคคลดังกล่าวเป็นตำรวจสน.พญาไท จากนั้นเดินทางกลับมาบ้านเพื่อบวชให้กับลุงที่เสียชีวิต โดยเดินทางมาเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2563 แต่หลังจากบวชแล้ว จึงมีเพื่อนตำรวจ ส่งข้อความมาทางไลน์ ว่าเพื่อนตำรวจอีก 3 คนที่เคยกินอยู่ด้วยกัน มีอาการป่วยด้วยโรคโควิด 19 ขอให้กักตัวเอง พร้อมกับตรวจสอบเฝ้าระวังหลัง จากอ่านข้อความแล้วก็ได้พยายามติดต่อขอเข้ารักษาตัว พบแพทย์ที่ รพ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2563 แต่ตรวจอาการที่โรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลไม่ตรวจให้ เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีอาการป่วย และไม่ใช่ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ

จึงกลับบ้าน จนกระทั่งวันที่ 17 มีนาคม ก็เกิดมีอาการไข้สูง ทำให้เกิดความตื่นกลัวว่าตัวเองจะป่วยด้วย โรคโควิค 19 จึงติดต่อ ขอเข้ารับการตรวจอาการที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด เพื่อขอเข้ารับการคัดกรอง ตรวจอาการ เนื่องจากเกิดความไม่สบายใจ กลัวว่าตัวเองจะป่วย ด้วยโรคดังกล่าว ซึ่งทางโรงพยาบาล ร้อยเอ็ดก็ได้รับตัวไว้ เพื่อรอตรวจอาการและ ซึ่งหลังจากเดินทางเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว ชาวบ้านเกิดความเกรงกลัวว่า จะมีการแพร่เชื้อขึ้นภายในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกัน ระดมการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ ทั้งในบริเวณวัด และบ้านเรือนชาวบ้าน 244 หลัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ขณะที่รอดูอาการ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าป่วยจริงหรือไม่ โดยจะต้องรอผลตรวจจากโรงพยาบาล เพื่อความชัดเจนก่อน

ในขณะที่ทางด้าน นายแพทย์ชลวิทย์ หลาวทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร้อยเอ็ด กล่าว ยอมรับว่า มีผู้มีอาการไข้ น่าสงสัยว่าเข้าข่าย ที่เกรงว่าจะป่วยด้วยโรค โควิด 19 มาเข้ารับการ คัดกรองเพื่อตรวจดูอาการ อยู่ภายในโรงพยาบาลร้อยเอ็ดจริง หลายคนด้วยกัน รวมทั้งพระ ที่มาจากบ้าน ป่ายาง ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ และบวชพร้อมกัน 4 รูป เข้ามารับการตรวจอาการเพื่อการคัดกรอง ในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด รวมทั้งผู้ป่วย พี่มีอาการไข้อีกหลายราย จากต่างอำเภอ ซึ่งยังไม่ยืนยัน ว่าเป็นผู้ป่วยด้วยโควิต 19 เนื่องจากต้องรอผลตรวจ ดังนั้น จึงถือว่า ทุกคนยังไม่ใช่ผู้ป่วย ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และเผยแพร่ข่าว ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และขอให้ติดตามรับฟังการแถลงข่าว ข้อเท็จจริงจากกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น อย่าไปเชื่อข่าวลือด้านอื่นๆ ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะความจริงจะต้องแถลงโดย ส่วนราชการกระทรวงสาสุข เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีผู้เข้า มาขอรับการตรวจอาการอยู่ในข่าย ที่ต้องรอผล ตรวจ อยู่หลายคนด้วยกัน

ดังนั้นทางโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้ใช้อาคาร ของโรงพยาบาล คือตึกมหาวีโรทั้งตึก เป็นสถานที่ รองรับ ผู้ที่มีอาการไข้ แล้วอยู่ในข่าย รอรับรองผลตรวจ จากกระทรวงสาสุขก่อน ว่าป่วยหรือไม่แล้ว จึงจะมีการ แถลงข่าวข้อเท็จจริง ให้ประชาชนทราบ ต่อไป

ซึ่งอาคารตึกมหาวีโรดังกล่าว สามารถรองรับผู้ที่ ต้องสงสัยว่าป่วยได้ จำนวนมาก โดยมีการจัดห้องไว้ 34 ห้อง เพื่อรองรับ พร้อมกับยืนยันว่า ถึงแม้จะมี ผู้ที่เข้าข่ายต้องสงสัย เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลร้อยเอ็ด ก็ได้มีการ ใช่สถานที่ ที่มีการควบคุม ป้องกัน ด้านการเข้าออก และป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ดังกล่าวด้วยความเข้มงวด กวดขันไม่ให้มีการแพร่เชื้อจากตึกดังกล่าวออกไปสู่ภายนอกโดยเด็ดขาด

ส่วนในเย็นวันเดียวกันที่ห้องประชุมชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด แถลงข่าวเรื่องโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าจังหวัดร้อยเอ็ด พบผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นรายแรกของจังหวัดร้อยเอ็ด ภูมิลำเนาเป็นคน อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งติดเชื้อมาจากสนามมวย ในกรุงเทพมหานคร ซึ่งกักตัวไว้ ที่ตึกมหาวีโร รพ.ร้อยเอ็ด ร่วมกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง ในส่วนผู้เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีจำนวน 37 ราย ที่ กักตัวไว้ใน รพ.ที่ ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ เตรียมปล่อยตัวกลับ เพราะไม่ป่วย

สำหรับภาพรวมของจังหวัดร้อยเอ็ด นอกเหนือจาก ที่อยู่ใน รพ.ร้อยเอ็ด ยังมีข้อมูลจากการติดตามตัว ผู้เดินทางมาจากพื้นที่เขตติดโรคติดต่ออันตราย (จีน เกาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน) (ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 15 มีนาคม 2563) มีผู้แยกกักกันตัวเองที่บ้านพัก จำนวน 83 คน มีการติดตามเฝ้าระวังครบ 14 วัน จำนวน 55 คน และอยู่ใน ระหว่างติดตามยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 28 คน

ส่วนการติดตามผู้เดินทางมาจากพื้นที่ระบาดต่อเนื่อง 11 ประเทศ (ฝรั่งเศส สเปน อเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ญี่ปุ่น เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ เยอรมนี) คุมไว้สังเกต อาการที่บ้านพัก จำนวน 155 คน ติดตามครบ 14 วัน 106 คน อยู่ระหว่างติดตามผลยังไม่ครบ 14 วัน จำนวน 49 คน ซึ่งต้องเฝ้าระวัง

พร้อมกับ แถลงข่าวด้านการเฝ้าระวัง ขอความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่มีการระบาดของโรคให้กักตัวเองที่บ้านให้ครบ 14 วัน แยกของใช้ แยกที่อยู่ จากคนในบ้าน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดหากมีอาการป่วย หรือผิดปกติ