ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
ความตระหนักรู้ในตนเอง คือการตระหนักรู้สภาวะอารมณ์ของตัวเองในแต่ละขณะ คนโดยทั่วไปมักไม่รู้สถานะอารมณ์ของตัวเองและระดับที่อารมณ์นั้นที่มีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมและขบวนการความคิด และเมื่อไหร่ทีเราสามารถจัดการสภาวะอารมณ์ของตัวเองได้ เมื่อนั้นเราก็จะสามารถจัดการส่วนต่างๆ ของชีวิตได้ดีขึ้น
ความตระหนักรู้ในตนเอง เป็นความสามารถในการมองคำพูดและการกระทำของตัวเองจากมุมมองคนอื่นด้วย คือการมองเห็นตัวเองแบบที่คนอื่นเห็น
เรามักชอบคิดว่าเราตระหนักรู้ตนเอง แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่แบบนั้น
นักวิทยาศาสตร์สังคมค้นพบว่า มนุษย์เรามักประเมินระดับความตระหนักรู้ในตนเองสูงกว่าความเป็นจริงไปมาก คนจำนวนมากรู้สึกว่าพวกเขารู้จักและเข้าใจตัวเองดี และอาจหลีกเลี่ยงการสร้างความตระหนักรู้เพราะจะต้องมองตัวเองอย่างยุติธรรมที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ จนอาจกลายเป็นการปลุกความละอายใจที่ยากต่อการยอมรับ
ความตระหนักรู้ในตนเองเป็นทักษะสำคัญที่จะเติมเต็มชีวิต
ความตระหนักรู้ในตนเองเป็นทักษะที่ทุกคนควรพยายามพัฒนา นักจิตวิทยาระบุว่า ความตระหนักรู้ในตนเองอาจเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่จะใช้นำทางเราข้ามผ่านความท้าทายของชีวิตเลยก็เป็นได้ ถ้าคุณสามารถจัดการอารมณ์ตัวเองได้ คุณจะสามารถควบคุมผลกระทบด้านอารมณ์ในที่ทำงาน จากการเข้าสังคม หรือจากบรรยากาศครอบครัว ซึ่งความตระหนักรู้ในตนเองสามารถเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการสร้างชีวิตที่เติมเต็มมากขึ้น
เคล็ดวิธีการสร้างสมความตระหนักรู้ในตนเอง
จงสงสัยตัวเอง
การจะมีความตระหนักรู้ในตนเองได้ คนคนนั้นต้องขี้สงสัยเกี่ยวกับตัวเอง นักจิตวิทยาระบุว่า ใจและร่างกายของเราเป็นพื้นที่ที่เรายังคงต้องใช้แผนที่นำทาง คนทุกคนมีเส้นทางที่ไม่อยากเดิน แต่บางเส้นทางก็มีค่าพอที่จะลอง แต่คุณจะไปเดินไปเส้นทางแห่งการเข้าใจตนเองไกลแค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าคุณพร้อมที่จะค้นหาและประสบกับอะไร
ทลายกำแพง
เมื่อคุณเห็นบางอย่างในตัวเองที่คุณไม่ชอบ ปฏิกิริยาแรกอาจเป็นการป้องกันตัวเองจากสิ่งนั้น และนี่คือความท้าทายของการตระหนักรู้ในตนเอง ลองพยายามไม่ตัดสินตัวเองและปล่อยวางสัญชาติญาณที่พยายามปกป้องตัวเอง
การตระหนักรู้เกิดขึ้นได้เมื่อคุณพร้อมที่จะปล่อยวางการปกป้องตนเอง การเปิดใจมองตัวเองที่แตกต่างไปจากที่คุณชอบทึกทักเอา นั่นหมายความว่าคุณต้องยอมมองตัวเองในด้านที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่บ้าง
มองตัวเองในกระจก
งานวิจัยทางจิตวิทยาระบุว่า กระจกสามารถเป็นเครื่องมือในการทำสมาธิเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ในตนเองได้ เมื่อคนมองตัวเองแวบแรก บ่อยครั้งที่จะวิจารณ์ตัวเองอย่างมาก ลองเปลี่ยนมุมมอง ฟังและติดตามอารมณ์ของตัวเอง และคุณจะเห็นว่าความคิดของคุณมีผลกับตัวเองอย่างไร
จดบันทึกว่าอะไรส่งผลให้คุณรู้สึกดี
การจดบันทึกเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการรู้สึกตัว ผู้เชี่ยวชสญด้านสุขภาพจิตระบุว่าเวลาที่จดบันทึก ลองใส่ใจชีวิตในแต่ละวัน ถามตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร ดีหรือไม่ดี และพิจารณาว่าอะไรทำให้เกิดความรู้สึกนั้น
เปลี่ยนใช้เวลาหน้าจอเป็นเวลาปฏิสัมพันธ์กับคนในชีวิตจริง
คนส่วนมากใช้เวลากับหน้าจออุปกรณ์ต่างๆ มากกว่าเวลาปฏิสัมพันธ์ในชีวิตจริง นักจิตวิทยาระบุว่าคนเราต้องใช้ภาพสะท้อนในการพัฒนาความรู้สึกในการมีตัวตนท่ามกลางคนอื่นๆ ยิ่งเราใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคนเดียวมากขึ้น เราพลาดโอกาสที่จะได้สะท้อนตัวเอง และการที่ไม่ได้ย้อนมองตัวเองเป็นผลทำให้ความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้น ขาดความเห็นอกเห็นใจคนอื่น และยิ่งอาจทำให้มองตัวเองเป็นเพียงวัตถุ
ถามคนอื่นว่าเขามองเห็นตัวคุณอย่างไร
ลองหาเวลาเรียนรู้ว่าคนที่เรารักมองเราอย่างไร จงกล้าที่จะถามว่าเขามองคุณอย่างไรในสถานการณ์ต่างๆ การเรียนรู้ตัวเองจากมุมมองคนอื่นจะสามารถช่วยให้ได้เรียนรู้ด้านของเราเองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ถ้าเกิดความโกรธ ลองมองจากมุมของบุคคลที่สาม
สุดท้ายแล้ว ประโยชน์ของความตระหนักรู้ในตนเองไม่ได้ดีต่อการจัดการอารมณ์เท่านั้น แต่เป็นผลดีกับความสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าถ้าคุณสามารถรู้ทันตัวเองเมื่อยามที่คุณเริ่มเสียงดัง คุณอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องสมควรแล้วเพราะคุณกำลังโกรธ แต่ประสบการณ์ของอีกฝ่ายไม่เป็นอย่างนั้น การพยายามนึกในมุมมองคนอื่นจะช่วยปรับปรุงการตระหนักรู้ในตนเอง นอกจากนี้ การมองจากมุมมองของบุคคลที่สามยังช่วยคนที่ชอบวิจารณ์ตัวเองมากเกินไปหรือคนที่ชอบคิดจนทำลายตัวเอง ลองคิดว่าถ้าคุณเป็นบุคคลที่สาม คุณจะแนะนำอะไรกับตัวเอง
สำรวจตัวเองบ่อยๆ
ลองหยุดและสำรวจตัวเองว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร คิดว่าอะไรที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น อาจจะดูเหมือนเป็นวิธีที่ฟังดูง่ายเกิน แต่พอทำจริงๆ แล้วไม่ง่ายเลย
หมั่นเรียนรู้ การเดินทางไม่มีวันจบ
ในขณะที่บทความนี้อาจช่วยชี้วิธีให้คุณค้นพบตัวเอง แต่การอ่านและเรียนรู้เพิ่มเติมไปเรื่อยๆ เป็นการฝึกฝนการตระหนักรู้ในตนเองที่ดี จงตื่นเต้นกับการได้ความรู้ใหม่ๆที่จะสอนคุณเกี่ยวกับตัวเอง การเดินทางบนถนนแห่งความรู้นั้นไม่มีวันจบ