สหประชาชาติ (UN) เปิดเผยการคาดการณ์ว่าจำนวนประชากรโลกจะสูงแตะ 8 พันล้านคนในวันที่ 15 พฤศจิกายน นี้ คาดว่าอินเดียจะแซงหน้าจีน กลายเป็นประเทศที่ประชากรมากที่สุดในปี 2023
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
หลิวเจิ้นหมิน รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรทำให้การขจัดความยากจน การต่อสู้กับความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการ และการเพิ่มความครอบคลุมของระบบสุขภาพและการศึกษา ดำเนินไปยากยิ่งขึ้น ทว่าทางกลับกันการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ การศึกษา และความเท่าเทียมทางเพศ จะมีส่วนส่งผลให้ระดับภาวะเจริญพันธุ์ลดลงและชะลอการเติบโตของประชากรโลก
ภาวะเจริญพันธุ์ในหลายประเทศลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยปัจจุบันสองในสามของประชากรโลกอาศัยอยู่ในประเทศหรือพื้นที่ที่มีภาวะเจริญพันธุ์ชั่วชีวิตต่ำกว่า 2.1 คน ต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งเป็นระดับโดยประมาณที่จำเป็นต่อการเติบโตเป็นศูนย์ในระยะยาวสำหรับประชากรที่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำรายงานคาดการณ์ว่าประชากรของ 61 ประเทศหรือพื้นที่จะลดลงร้อยละ 1 หรือมากกว่าระหว่างปี 2022-2050 เนื่องจากภาวะเจริญพันธุ์ลดต่ำอย่างต่อเนื่องและอัตราการย้ายถิ่นฐานสูงขึ้นในบางกรณี ขณะสัดส่วนของประชากรโลกอายุ 65 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10 ในปี 2022 เป็นร้อยละ 16 ในปี 2050
"ประเทศที่มีประชากรสูงอายุควรดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อปรับโครงการสาธารณะให้เข้ากับสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงความยั่งยืนของระบบประกันสังคมและระบบบำนาญ และการจัดตั้งระบบดูแลสุขภาพถ้วนหน้าและระบบดูแลระยะยาว" รายงานระบุ
ขณะเดียวกันอายุคาดเฉลี่ยทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ราว 77.2 ปี ในปี 2050 ด้วยอัตราการเสียชีวิตที่ลดลง โดยอายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดทั่วโลกในปี 2019 อยู่ที่ 72.8 ปี เพิ่มขึ้นเกือบ 9 ปี นับตั้งแต่ปี 1990 อย่างไรก็ดี อายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดทั่วโลกในปี 2021 ลดลงเหลือ 71 ปี เนื่องจากการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ขณะอายุคาดเฉลี่ยในประเทศด้อยพัฒนาที่สุดนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกถึง 7 ปี