
SHORT CUT
พาล้วงลึก! กลยุทธ์โบนัสสุกี ทำไมกล้าเปิดแบรนด์ใหม่ ทั้งๆที่มี MK อยู่แล้ว ลูกค้าจะได้อะไร? ขยายเชิงรุก 1-2 สาขาใหม่ทุกสัปดาห์ จาก 16 สาขาภายในสิ้นปี 2568 ทะยานสู่ 100 สาขาทั่วประเทศ ภายในไตรมาส 2 ปี 2570
ธุรกิจร้านอาหารประเภทหม้อไฟและสุกี้ในประเทศไทยยังคงเป็นตลาดที่น่าจับตาและมีโอกาสเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาแข่งขันอย่างคึกคัก แต่ถึงอย่างไรตลาดยังคงเปิดกว้างสำหรับนักธุรกิจหน้าใหม่ หากมีการปรับตัวและสร้างความแตกต่างที่ชัดเจน โดยจากการประเมินเบื้องต้นว่า ตลาดหม้อไทย (ตลาดหม้อไฟ/สุกี้) มีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท โดยตลาดหม้อไฟโดยรวมก็กำลังจะเติบโตขึ้นไปพร้อมกันจากการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่ ๆ
ทั้งนี้ผู้ที่อยู่ในตลาดยังมองอีกว่าตลาดหม้อไฟในไทยยังมีโอกาสในการเติบโตไปได้เรื่อย ๆ อีก 10 ปี หรือ 15 ปี การที่คู่แข่งรายต่าง ๆ เข้ามาในตลาดนั้น ถือเป็นการ "Confirmation" หรือการตอกย้ำว่าตลาดนี้กำลังจะไปได้ดี ตลาดสุกี้มีการแบ่งส่วนตามราคาอย่างชัดเจน ตลาดพรีเมียม (Premium): นิยามที่ราคา 300 บาทขึ้นไป และ ตลาดแบดเจ็ต (Budget) ราคา Under 300 บาท ซึ่งมีตั้งแต่ร้านค้าที่เป็นร้านเดียว ไปจนถึงร้านในระดับเชน
แน่นอนว่าการแข่งขันตลาดสุกี้ ชาบู บ้านเราตอนนี้แข่งขันกันดุเดือดมาก ใครมีสายป่านที่ยาว มีลูกเล่นทางการตลาดที่แพรวพราว คุณภาพ การบริการ ที่ดี สามารถสร้างความภักดีให้กับลูกค้าได้ย่อมมีโอกาสเป็นผู้ชนะ แม้ว่าเค้กก้อนนี้จะเป็นเค้กก้อนโต แต่ก็แย่งชิงกันมีหลายหลากเจ้า วันนี้ #SPRiNG จะพามาดูอีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่ที่เข้ามาช่วงชิงตลาดอย่าง โบนัส สุกี้ (Bonus Suki) แบรนด์สุกี้น้องใหม่ไฟแรงในเครือบริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MK Group ที่หลายคนสงสัยว่าทำไม MK ถึงกล้าเปิดแบรนด์ใหม่มาท้าชนแข่งขันแบบตัวต่อตัวท่ามกลางสมรภูมิรบแบบนี้
โดย ‘ทานตะวัน ธีระโกเมน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดบุฟเฟต์เป็นตลาดที่แข็งแรงและมีโอกาสเติบโตสูง จากพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ที่สำคัญคือผู้บริโภคทุกวันนี้ต้องการมากกว่าแค่ความคุ้มค่า แต่ยังมีช่องว่างในการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเราให้ความสำคัญกับคุณภาพ ความหลากหลาย และประสบการณ์ที่ดีในมื้ออาหาร นี่คือโอกาสสำคัญที่ ‘โบนัสสุกี้’ จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของตลาด และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของโบนัสสุกี้ที่เกิดจากความตั้งใจที่จะทำแบรนด์นี้เป็น ‘โบนัส’ ของคนไทยทั่วประเทศ
สำหรับมุมมองว่าตลาดสุกี้ ชาบู บ้านเราจะยังคงเติบโตต่อไปได้หรือไม่ ท่ามกลางการแข่งขันดุเดือด แบรนด์เล็กจะสามารถสู้แบรนด์ใหญ่ได้หรือไม่ โอกาสทางการตลาดจะเป็นอย่างไร ผู้บริหารคนเก่ง ตอบว่า สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ หรือเจ้าของร้านเดียวสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้อยู่รอดในตลาดนี้ คือการ ปรับตัว และให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานที่ผู้บริโภคต้องการ
1. ความสะอาดและความปลอดภัย (Safety) ต้องกลับมาดูองค์ประกอบพื้นฐานหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ ความสะอาดภายในร้าน และ การจัดการด้านความปลอดภัย (safety).
2. สินค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย ต้องพิจารณาถึง สินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในกลุ่มนั้น ๆ ที่ร้านตั้งอยู่
3. สร้างความแตกต่างและมูลค่า (Value) ผู้ประกอบการต้องมองว่าตนเองมีแผนในเรื่องใดบ้าง และสามารถสร้าง ความแตกต่าง (differentiation) ให้กับตลาดได้อย่างไร รวมถึงต้องมี มูลค่า (value) ที่สามารถนำเข้ามา
ตลาดสุกี้หม้อไฟที่กำลังเติบโตนี้มีโอกาสสำหรับทุกผู้เล่นที่สามารถสร้างแบรนด์ที่โดดเด่นและมีคุณค่าแตกต่างจากคู่แข่งได้
ด้าน ‘ธีระโกเมน’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากที่‘โบนัสสุกี้’ เปิดให้บริการแค่เพียง 4 เดือนแรก มีลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำแล้วกว่า 25% และทานซ้ำสูงสุดถึง 37 ครั้ง ขณะที่ผลสำรวจความพึงพอใจลูกค้าพบว่า กว่า 95% ประทับใจ ทั้งการบริการ พนักงาน และความคุ้มค่า สะท้อนภาพของแบรนด์สุกี้น้องใหม่ที่กำลังขยับขึ้นเป็นขวัญใจคนรักสุกี้ทั่วประเทศ โดยกลยุทธ์การตลาดของโบนัสสุกี้’ สร้างความแตกต่างและขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วย 6 Extra Bonus
Product : เมนูมากกว่า 60 รายการ และมีมากกว่าแค่สุกี้ ทั้งติ่มซำ ของทานเล่นที่มากกว่า น้ำจิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ และเมนูซิกเนเจอร์ เช่น หมูนุ่มหมักไข่โบนัส โรลปูอัดโบนัส พร้อมไฮไลต์เครื่องดื่มสลัชชีชาไทย Price : ราคาเข้าถึงง่าย 219 บาท ทานได้ 2 ชั่วโมง 15 นาที พร้อมโปรโมชันต่อเนื่องทุกเดือน People : ทีมพนักงานผ่านระบบเทรนนิ่งระดับ MK ส่งมอบประสบการณ์ที่สนุก อบอุ่น และเป็นกันเอง สนับสนุนการจ้างงานคนในท้องถิ่นตามการขยายตัวของแบรนด์
Promotion Bonus : ให้โบนัสลูกค้ากับเมนูพิเศษที่แจกฟรีทุกโต๊ะ วันละสองรอบ ภายใต้ concept “ชั่วโมงโบนัส Place : ร้านโอ่อ่า บาร์ใหญ่อลังการ และสะอาด พร้อมปักหมุดทำเลทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองรอง เน้นพื้นที่ชุมชนหนาแน่นและมีศักยภาพโต และ Process ความพร้อมทั้งหน้าบ้านหลังบ้าน มาตรฐาน MK Group ระบบการจัดการที่สาขา จัดเก็บสินค้าอย่างมีระบบ สดใหม่ สามารถเสิร์ฟได้รวดเร็ว ระบบหลังบ้านที่รองรับการขยายได้แบบไม่สะดุด
พร้อมกันนี้โบนัสสุกี้ยังมุ่งเดินหน้าขยายสาขาให้เข้าถึงลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมสร้างฐานลูกค้าให้แข็งแกร่งในระยะยาว ผ่านกลยุทธ์การเลือกทำเล โดยปักหมุดทั้งหัวเมืองใหญ่และเมืองรอง เน้นตลาดหลักที่มีโอกาสในการขยาย มีความหนาแน่นของชุมชนสูงหนุนการเติบโตด้วยศักยภาพและความแข็งแกร่งของ MK GROUP ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี และเครือข่ายร้านอาหารกว่า 600 สาขาในเครือ ทำให้ “โบนัสสุกี้” สามารถเติบโตเร็วแบบก้าวกระโดด เพราะมีโครงสร้างหลังบ้านระดับประเทศรองรับอย่างครบวงจร ได้แก่
• เครือข่ายพาร์ทเนอร์ห้างสรรพสินค้าและนอกห้างทั่วประเทศ
• ซัพพลายเออร์มากกว่า 1,000 ราย
• คลังสินค้าและครัวกลางรองรับได้ถึง 1,000 สาขา
• ระบบโลจิสติกส์พร้อมรถขนส่งกว่า 500 คัน ส่งของได้ทุกวันทั่วไทย
• มาตรฐานการบริการและเทรนนิ่งเดียวกับ MK
ทั้งหมดนี้ทำให้การเปิดสาขาใหม่เป็นไปอย่างรวดเร็ว พร้อมมาตรฐานคุณภาพที่สม่ำเสมอ และการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ตอกย้ำว่าการขยายสาขาไม่ใช่เรื่องยาก โดยแบรนด์ตั้งเป้าขยายให้ครบ 16 สาขา ภายในสิ้นปี 2568 และในปี 2569 เตรียมขยายเพิ่มมากกว่า 70 สาขา พร้อมทะยานสู่ 100 สาขาภายในไตรมาส 2 ปี 2570 ซึ่งถือเป็นการเติบโตมากกว่าถึง 6 เท่าในเวลาไม่ถึง 2 ปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง