ยังอยู่! BlackBerry จับมือ AMD เดินหน้าพัฒนาระบบหุ่นยนต์ร่วมกัน
BlackBerry มีมูลค่าหุ้นเพิ่ม 7% หลังประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับความสามารถของหุ่นยนต์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และธุรกิจสุขภาพ โดยมูลค่าหุ้นนั้นพุ่งสูงที่สุดในรอบ 3 เดือน และปิดที่ราว 3 ดอลลาร์สหรัฐ
SHORT CUT
- Blackberry ร่วมมือ AMD จับตลาดหุ่นยนต์เพื่อธุรกิจ
- หวังสร้างโอกาสใหม่ ต่อยอดไอเดีย
- AMD เผยปัญหายังเยอะ ต้องใช้เวลาพัฒนา
BlackBerry มีมูลค่าหุ้นเพิ่ม 7% หลังประกาศความร่วมมือกับ AMD เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มที่ช่วยยกระดับความสามารถของหุ่นยนต์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม และธุรกิจสุขภาพ โดยมูลค่าหุ้นนั้นพุ่งสูงที่สุดในรอบ 3 เดือน และปิดที่ราว 3 ดอลลาร์สหรัฐ
แพลตฟอร์มดังกล่าวทำงานบนแพลตฟอร์ม QNX ที่พัฒนาโดย BlackBerry ผสานกับฮาร์ดแวร์ของ AMD Kria K26 SOM ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM และ FPGA ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งการได้อย่างรวดเร็วผ่านความหน่วงต่ำ และควบคุมหน้าที่ต่าง ๆ ของหุ่นยนต์ได้ผ่านชุดคำสั่งเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น
การคำนวณค่าต่าง ๆ อ้างอิงการวิเคราะห์จากเซ็นเซอร์ที่ติดอยู่ที่หุ่นยนต์ ระบบประมวลผลความเร็วสูง และการสั่งการได้แบบทันท่วงที ที่สำคัญผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อระบบ รวมถึงปรับแต่งให้ดียิ่งขึ้นให้เข้ากับซอฟต์แวร์ หรือฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานอยู่
Blackberry กับการมองหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
ปัจจุบัน BlackBerry มีรายได้หลักจากธุรกิจความปลอดภัยไซเบอร์ และการขายลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่การเดินหน้ากลยุทธ์นี้ทำให้บริษัทประสบความลำบากในการเติบโต หากอ้างอิงราคาหุ้นของบริษัทที่ลดลง 13% ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สวนทางกับค่าเฉลี่ยการเติบโตของกระดาน S&P 500 ที่เติบโต 9%
Chetan Khona ผู้อำนวยการอาวุโสในตลาดอุสาหกรรม, วิชั่น, เฮลท์แคร์ และวิทยาศาสตร์ ของ AMD เสริมว่า เทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยปลดล็อกขีดจำกัดในการใช้งานเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในหลายอุตสาหกรรมที่กำลังพบเจอในปัจจุบัน
ปัญหาที่ทำให้หุ่นยนต์ยังไม่เจ๋ง
ทั้งนี้ ตัวอย่างของขีดจำกัดการใช้งานหุ่นยนต์คือ ความหน่วงของการสั่งการที่หากล่าช้าเกินไปประสิทธิภาพ หรือความแม่นยำย่อมลดลง รวมถึงความคุ้มค่าในการลงทุนที่ปัจจุบันหลายธุรกิจยังเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้ลำบากผ่านต้นทุนค่าใช้จ่ายที่สูง
ต้องจับตาดูว่า ความร่วมมือของ Blackberry และ AMD ในครั้งนี้ จะมีหุ่นยนต์เจ๋งๆ ออกมาให้ใช้งานในรูปแบบไหน
ที่มา : Reuters
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
