svasdssvasds

เหตุผลทำไม? “รถ EV” จะแพงขึ้น และยากที่จะถูกกว่า​ “รถน้ำมัน”

เหตุผลทำไม? “รถ EV” จะแพงขึ้น และยากที่จะถูกกว่า​ “รถน้ำมัน”

ล่าสุดทางผู้บริหารฮอนด้า (Honda) ได้เผยถึงเหตุผลต่างๆที่จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีราคาแพงกว่า “รถน้ำมัน” หรือรถสันดาป ซึ่งส่วนใหญ่มาจากปัญญาซัพพลายเชนหรืออุปกรณ์ต่างๆในการผลิต

เนื่องจากต้นทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในปัจจุบันมีต้นทุนสูงกว่ารถสันดาปหรือรถน้ำมันอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ซึ่งนั่นมาจาก “แบตเตอรี่” หรือ ลิเธียม-ไอออน นั่นเอง

รองประธานฝ่ายขายและพัฒนาธุรกิจของฮอนด้า ได้มีความเชื่อว่า “เทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน” จะไม่สามารถใช้งานไปในระยะยาวได้ และต้องมีเทคโนโลยีใหม่มาทดแทน

และจุดเปลี่ยนเกมของยานยนต์ไฟฟ้านั่นคือ “แบตเตอรี่ประเภท โซลิดสเตท" ซึ่งกำลังถูกเร่งพัฒนาอยู่ในขณะนี้

ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีของ Mercedes-Benz ที่กล่าวว่าต้นทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายังคงแพงกว่ารถยนต์สันดาปอย่างเทียบไม่ติด

แบตเตอรี่โซลิดสเตท อาจยังคงต้องใช้การพัฒนาอยู่สักพักใหญ่ แต่ล่าสุดทางฮอนด้าได้ลงทุนกว่า 310 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงไลน์การผลิตพร้อมที่จะรับกับเทคโนโลยีใหม่อย่างโซลิดสเตท เพื่อลดต้นทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ได้มีราคาสูงและขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิตอยู่มากทั่วโลก เนื่องจากกระแสเทรนด์ยานยนต์ของโลกได้มุ่งเป้ามาที่รถยนต์ EV เพียงอย่างเดียว

ทางผู้เขียนได้คาดการณ์แนวโน้มว่า เมื่อการขาดแคลนลิเธียม-ไอออน เกิดขึ้นสูง ผู้ผลิตและผู้พัฒนาแบตเตอรี่ต่างๆ จะต้องหันไปเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ไฮโดรเจน , แบตเตอรี่ประเภทอื่นๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในที่สุด

ในฝั่งของผู้บริโภคเองในอนาคตจะมีทางเลือกในการเลือกเทคโนโลยีของรถยนต์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น พลังงานไฮโดรเจน , พลังงานโซลาร์เซลล์จากแสงอาทิตย์ และนั่นจะทำให้การใช้รถยนต์อาจไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เสมอไป

หันกลับมาที่ประเทศไทย หลากหลายบริษัทชั้นนำของโลกหันมามุ่งเป้าตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย เพื่อจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อตอบสนองถึงความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าของคนไทย หากต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงนี้ ถือว่าคุ้มค่าเนื่องจากส่วนลด , การสนับสนุนจากภาครัฐนั้นสนับสนุนอย่างเต็มที่

related