Wework แจ้งล้มละลาย หลังแบกหนี้มาหลายปี ส่วนในไทยรอลุ้น

Wework สตาร์ตอัปด้านโคเวิร์กกิ้งสเปซ ประสบปัญหาแบกรับหนี้สินมาหลายปีเพื่อประคองธุรกิจ หลังบริษัทมีปัญหาหนี้สินสะสมสูงถึง 10,000 - 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.774 ล้านล้านบาท 

โดยบริษัทได้ยื่นฟ้องล้มละลายกับทางศาลรัฐบาลกลางของนิวเจอร์ซีย์เพื่อให้ Wework ได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายจากเจ้าหนี้ และขอเจรจากับทางเจ้าของพื้นที่ในการเช่าสถานที่ให้บริการต่างๆ

Wework เป็นที่รู้จักในเรื่องของการเช่าพื้นที่สำหรับสตาร์ตอัปหรือคนที่ทำงานอิสระ และการให้บริการที่ยืดหยุ่นจนถูกมองว่าเป็นอนาคตของสำนักงานหรือออฟฟิศสำหรับคนทำงานในอนาคต

แต่บริการประเภทโค-เวิร์กกิ้งสเปซ จำเป็นต้องเข้ามา "แทนที่" หรือมีการเติบโตที่รวดเร็ว ถึงจะอยู่รอด เพราะการทำธุรกิจสำนักงานมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง

ซึ่ง Wework Inc. ในบางแห่ง จำเป็นต้องยื่นขอความคุ้มครองภายใต้ประมวลกฎหมายล้มละลายของสหรัฐและยื่นกระบวนการพิจารณากับทางภาครัฐในแคนาดาด้วย

David Tolley ผู้บริหารระดับสูงของ WeWork กล่าวว่า บริษัทรู้สึกขอบคุณการสนับสนุนทางธุรกิจ นักลงทุน และคู่ค้าที่ส่วนที่เข้ามาช่วยกันประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเราได้พยายามเสริมโครงสร้างเงินทุนและลดกระบวนการเร่งรัดหนี้สิน ผ่านการปรับโครงสร้างเงินทุนในหลายรูปแบบแล้ว แต่ปัญหาหนี้สะสมยังไม่เบาบางลง

ทั้งนี้ Wework ได้ใช้ความพยายามอย่างหนัก หลังเจอผลกระทบหลายด้าน ทั้งปัญหาการระดมเงินทุนต่อสาธารณะที่กระทบชื่อเสียงของบริษัทอย่างหนักเมื่อปี 2019 รวมถึงขับไล่ Adam Neumann ผู้ร่วมก่อตั้ง เพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงกลับมา และต่อเนื่องด้วยปัญหาโควิด-19 ที่ผู้คนลดการออกไปใช้งานพื้นที่สาธารณะ ยิ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2023 บริษัทสูญเงินไปแล้วกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งบริษัทได้พยายามขายธุรกิจบางส่วนออกไป มีการปิดให้บริการในบางสถานที่ และเจรจาหนี้สินระยะยาวกันใหม่แต่ในเดือนที่ผ่านมา Wework ได้บอกกับนักลงทุนว่า ไม่สามารถชำระเงินกู้ยืมได้

สำหรับ Wework ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2010 มีสาขามากกว่า 700 แห่งทั่วโลก มีสมาชิกในระบบกว่า 730,000 คน เมื่อปี 2562 นักลงทุนประเมินมูลค่าบริษัทไว้ที่ 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 1.66 ล้านล้านบาท 

ส่วนในไทยมีสาขาของ Wework ทั้งหมด 4 แห่ง คือ T-One Building, The Parq, Asia Centre และ Spring Tower ซึ่งยังไม่มีข้อมูลออกมาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรบ้าง

ที่มา : BBC

ภาพ : Reuter

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

• Zoom เรียกพนักงานให้เข้ามาทำงานที่ออฟฟิศบ้าง หลังพบว่าดีกว่า Work From Home
• Google กำลังเจอปัญหา ออฟฟิศร้าง! เพราะพนักงานไม่ชอบทำงานที่สำนักงาน
• ตู้ก๋วยเตี๋ยวก็มา! เต่าบิน เตรียมขายก๋วยเตี๋ยวเจาะกลุ่มสาวออฟฟิศ