อังกฤษ โทษจีน อยู่เบื้องหลังให้แฮกเกอร์ แฮกข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
รัฐบาลอังกฤษ โทษจีน อ้างว่าเป็นตัวการให้แฮกเกอร์มาแฮกข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปี 2021 ได้สำเร็จ ส่งผลให้ข้อมูล 40 ล้านรายชื่อหลุดออกไป
SHORT CUT
- อังกฤษ โทษรัฐบาลจีนเป็นครั้งแรกว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแฮกข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปี 2021
- ไม่มีใครรู้ว่าข้อมูลถูกแฮกจนปี 2022
- ชาติตะวันตกต่างผวากับรัฐบาลจีน หลังจากพบว่า จีนส่งตำรวจลับมาตั้งฐานปฎิบัติการในประเทศของตนเอง ทั้งที่ผิดกฎหมาย
รัฐบาลอังกฤษ โทษจีน อ้างว่าเป็นตัวการให้แฮกเกอร์มาแฮกข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในปี 2021 ได้สำเร็จ ส่งผลให้ข้อมูล 40 ล้านรายชื่อหลุดออกไป
สำนักข่าวต่างประเทศ TechCrunch ด้านเทคโนโลยี และ CNBC สำนักข่าวด้านเศรษฐกิจ รายงานตรงกันว่า Oliver Dowden รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้กล่าวโทษจีนว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์เมื่อปี 2021 เป็นเหตุทำให้ข้อมูลผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านรายชื่อ รั่วไหล จากการแฮก คณะกรรมการการเลือกตั้งของอังกฤษ เพราะแฮกเกอร์ที่โจมตีทำงานให้รัฐบาลจีน
รองนายกรัฐมนตรีอังกฤษ มองว่า นี่เป็นภัยคุกคามที่รัฐบาลจีนกำลังคุกคามที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรต้องตอบโต้อย่างแข็งขัน
ข้อมูที่รั่วไหลมีอะไรบ้าง ?
ในรายงานระบุว่า ข้อมูลที่ คณะกรรมการการเลือกตั้งของอังกฤษ บอกว่าถูกแฮกเกอร์โจรกรรมไปได้ ในปี 2021 ได้แก่ ข้อมูลของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ยืนยันว่าจะมาใช้สิทธิ์ ตั้งแต่ปี 2014 ไปจนถึงคนที่ลงทะเบียนล่วงหน้าไปถึงปี 2022 โดยการรั่วไหลนั้นไม่มีใครทราบจนกระทั่ง 1 ปีให้หลัง ว่าพวกเขาถูกแฮกไปแล้ว
ในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แห่งชาติ (NCSC) ของสหราชอาณาจักร ระบุว่า มี “ความเป็นไปได้สูง” ที่แฮกเกอร์ชาวจีนจะเข้าถึงข้อมูล ขโมยอีเมลและข้อมูลจากทะเบียนราษฎร์ที่ใช้ในการเลือกตั้ง
NCSC กล่าวว่าหน่วยข่าวกรองจีนสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อ “ปราบปรามต่อผู้เห็นต่างและผู้วิพากษ์วิจารณ์จีนในสหราชอาณาจักร”
หลิว เผิงหยู โฆษกสถานทูตจีนในสหราชอาณาจักร ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และกล่าวว่าจีน “ไม่ส่งเสริม สนับสนุน หรือยอมรับการโจมตีทางไซเบอร์ที่แฮกเกอร์ทำขึ้น” แต่เสริมว่าจีนจะ “ใช้วิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมาย” เพื่อตอบโต้การโจมตีทางไซเบอร์แทน
เอาข้อมูลไปทำไม ?
การโจรกรรมข้อมูลของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในอังกฤษครั้งนี้สามารถมองได้หลายมุมมอง หากมองแค่เรื่องคอลเซ็นเตอร์ก็จะเป็นแค่การหลอกลวงธรรมดา แต่หากมองภาพใหญ่กว่านั้น หากแฮกเกอร์สามารถเชื่อมโยงข้อมูลอื่น ๆ เช่น เราชอบอะไร อยู่ในสังคมแบบไหน ก็สามารถครอบงำความคิดของผู้คนผ่านการใช่เฟซปลอม โซเชียลปลอมมาปลุกปั่นได้
ขณะที่ปีที่ผ่านมา สื่อต่างชาติรายงานว่า ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และเยอรมนี จับกุมเจ้าหน้าที่ของจีนที่ทำการตั้งสถานีตำรวจลับและทำตัวเป็นตำรวจผู้ไล่จับกุมผู้เห็นต่างทางการเมืองภายใต้กฎหมายจีนในต่างประเทศซึ่งผิดกฎหมายมาแล้ว จึงทำให้ชาติตะวันตกเริ่มมองภัยคุกคามจากจีนในรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรก็ตาม
อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
