svasdssvasds

อีโมจิ คืออะไร ภาษายุคดิจิทัล ใช้พูดแทนใจ พูดแทน...ทุกอย่าง ?

อีโมจิ คืออะไร ภาษายุคดิจิทัล  ใช้พูดแทนใจ พูดแทน...ทุกอย่าง ?

ทำความรู้จัก Emoji : อีโมจิ ซึ่งตอนนี้ เป็นลูกเล่นการสื่อสารยุคอินเทอร์เน็ตด้วยตัวการ์ตูน จนทุกวันนี้เรามีอีโมจิใช้มากกว่า 3,000 รูปแบบ และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารในปัจจุบันไปแล้ว

SHORT CUT

  • อีโมจิกลายเป็น “ภาษากลาง” ของยุคดิจิทัล ที่สื่อสารความรู้สึกซับซ้อนได้สั้น กระชับ เข้าใจง่าย
  • ไม่ใช่แค่เรื่องน่ารัก—แต่อิโมจิยังใช้แทนเรื่องเพศ ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่สถานะแฟนคลับได้อย่างแนบเนียน
  • เบื้องหลังไอคอนเล็ก ๆ เหล่านี้คือระบบ Unicode ที่ทำให้อิโมจิกลายเป็นภาษาสากลที่คนทั้งโลกเข้าใจร่วมกัน

ทำความรู้จัก Emoji : อีโมจิ ซึ่งตอนนี้ เป็นลูกเล่นการสื่อสารยุคอินเทอร์เน็ตด้วยตัวการ์ตูน จนทุกวันนี้เรามีอีโมจิใช้มากกว่า 3,000 รูปแบบ และได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสารในปัจจุบันไปแล้ว

จากหน้ายิ้มหวานๆ สู่สัญลักษณ์แห่งเซ็กซ์: ทำไมคนยุคนี้ถึงเล่าเรื่องซับซ้อนผ่านไอคอนน่ารัก ๆ 🥟🥐😋 🦪🐚

เคยเป็นกันไหม...เวลาคุยเรื่องความสัมพันธ์, ความรู้สึก หรือแม้แต่เรื่องบนเตียง กลับรู้สึกว่า “พิมพ์ตรง ๆ ไม่กล้า” แต่พอใส่อีโมจิ 🍑🍆🔥 กลับสื่อสารได้ครบ! ไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเลย

อิโมจิกลายเป็น “ภาษากลาง” ในโลกยุคแชต — สั้น กระชับ เข้าใจทันที แถมบางครั้งยังดูซอฟต์กว่าและสนุกกว่าการพูดตรง ๆ ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องเพศ ที่คนจำนวนมากเลือกใช้อิโมจิแทนคำแรง ๆ หรือภาพจินตนาการ เช่น:

👻 ใช้แทน ghosting (หายไปแบบไร้ร่องรอย)
🍆 ใช้แทนอวัยวะเพศชาย
🍑 เคยถูกวิจารณ์ว่า "เหมือนก้นเกินไป"

และไม่ใช่แค่เรื่องเซ็กซ์เท่านั้น — หัวใจสีต่าง ๆ 💚💜💛 ก็กลายเป็น “โค้ดลับ” สำหรับบอกความรู้สึกหรือบ่งบอกสังกัดแฟนคลับกันแล้วในหลายวัฒนธรรม

[ Unicode กับภารกิจ “ให้โลกเข้าใจกันผ่านอีโมจิเดียวกัน” ]
เบื้องหลังอีโมจิน่ารักเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม ๆ เพราะ Unicode Consortium ต้องอนุมัติทุกตัวก่อนจะกลายเป็นมาตรฐานบนมือถือทุกคน
 

ขั้นตอนกว่าจะได้อิโมจิใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย

ต้องมี “ข้อเสนอ” อธิบายว่าอีโมจินั้น จำเป็นต่อการสื่อสาร อย่างไร
ต้องคิดล่วงหน้าถึงการออกแบบ เช่น "อิโมจิถั่ว" จะใช้ถั่วดำ ถั่วเขียว หรือถั่วกระป๋องดี?
เป้าหมายคือความหลากหลายทางวัฒนธรรมและการเป็นภาษาสากล

 อิโมจิ ≠ อีโมติคอน: เข้าใจผิดมาตั้งนาน? 

ก่อนจะมีอีโมจิ 🎨 เราเคยมีอีโมติคอน 😊 ที่สร้างจากตัวอักษรอย่าง :P หรือ ;( ใช้บน MSN, ICQ, และแชตยุคแรก ๆ แต่สิ่งที่ต่างคือ:

อีโมติคอน = การใช้สัญลักษณ์พิมพ์เป็นหน้า
อีโมจิ = ไอคอนภาพจริง ที่คนญี่ปุ่นสร้างขึ้นในปี 1999 โดย Shigetaka Kurita

Apple ซ่อนคีย์บอร์ดอีโมจิไว้ตั้งแต่ปี 2005 และเพิ่งเผยโฉมเต็ม ๆ ใน iOS ปี 2011 จนวันนี้เราใช้มันสื่อสารทุกวัน

จากญี่ปุ่นสู่เวทีโลก: เพราะ “ไอคอน” ก็เปลี่ยนโลกได้ 

การผลักดันอีโมจิให้กลายเป็นภาษาสากลนั้นเกิดจาก Google และ Apple ที่ร่วมกันยื่นเรื่องต่อ Unicode ในปี 2007-2009 และผลักดันให้เกิดอิโมจิ 625 ตัวในปี 2010

การเปลี่ยนแปลงนี้สำคัญ เพราะ “คอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจรูปภาพ” ทุกอิโมจิต้องมีรหัสเบื้องหลัง การมี Unicode คือการทำให้ทุกอุปกรณ์ทั่วโลก “เห็นตรงกัน” ไม่ว่าอยู่แพลตฟอร์มไหน

อิโมจิ: ภาษาใหม่ที่เข้าใจได้แม้ไม่ต้องพูด 

การใช้สัญลักษณ์ที่ “ทุกคนเข้าใจตรงกัน” ทำให้อิโมจิกลายเป็นภาษาสากลจริง ๆ — สื่อสารความรัก, ความเศร้า, ความหวัง หรือแม้แต่ความเซ็กซี่ ได้โดยไม่ต้องมีคำ
บางทีหัวใจ 💔 เดียว ก็เจ็บกว่าเขียน “เลิกกันเถอะ” เป็นสิบคำ

โดยสรุปแล้ว : อย่าดูแคลนอิโมจิ มันคือภาษาของยุคเรา
อิโมจิคือการรวมกันของ ความรู้สึก + ความคิดสร้างสรรค์ + วัฒนธรรมร่วม ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการออกแบบ ตั้งแต่ผู้ใช้ทั่วไปถึงนักออกแบบใน Unicode

อาจดูเล็ก ๆ ในแป้นพิมพ์ แต่มีพลังเปลี่ยนวิธีสื่อสารของคนทั้งโลก

ที่มา : theguardian wired journals.sagepub

related