ภาพถ่ายที่เปิดเผยความลับ : เทคโนโลยีเบื้องหลังการระบุพิกัดจากรูปภาพ นี่อาจดาบสองคมของการแบ่งปันในยุคดิจิทัล แค่แชร์ภาพ หลุมหลบภัยก็รู้พิกัดได้
การแบ่งปันภาพถ่ายเพียงหนึ่งใบในยุคดิจิทัลอาจนำมาซึ่งผลกระทบที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นภาพของสถานที่ที่มีความอ่อนไหวสูง เช่น "หลุมหลบภัย" การกระทำที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยนี้ สามารถเปิดเผยตำแหน่งที่ตั้งได้อย่างแม่นยำผ่านสองช่องทางหลักทางเทคโนโลยี บทความนี้จะเจาะลึกถึงกลไกเบื้องหลังปรากฏการณ์ดังกล่าว เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีอย่างปลอดภัย
ทุกครั้งที่ภาพถ่ายถูกสร้างขึ้นโดยกล้องดิจิทัลหรือสมาร์ทโฟน จะมีชุดข้อมูลมาตรฐานที่เรียกว่า EXIF (Exchangeable Image File Format) ถูกฝังลงไปในไฟล์โดยอัตโนมัติ ข้อมูลนี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือน "ป้ายข้อมูลประจำตัว" ของภาพถ่ายแต่ละใบ
พิกัด GPS: ข้อมูลที่อันตรายที่สุด
ในบรรดาข้อมูลทั้งหมดที่ถูกบันทึกไว้ สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือข้อมูลพิกัดทางภูมิศาสตร์ หากผู้ใช้งานเปิด "บริการระบุตำแหน่ง" (Location Services) บนอุปกรณ์ กล้องจะทำการบันทึกค่าละติจูดและลองจิจูดของตำแหน่งที่ถ่ายภาพนั้นๆ ลงไปในไฟล์ EXIF ทันที ซึ่งหมายความว่าบุคคลใดก็ตามที่เข้าถึงไฟล์ภาพต้นฉบับ จะสามารถดึงข้อมูลนี้ไปใช้ระบุตำแหน่งบนแผนที่ได้อย่างแม่นยำ
ข้อมูลอื่นๆ ที่ถูกบันทึกใน EXIF:
•วันและเวลา: บันทึกเวลาที่ถ่ายภาพอย่างละเอียด
•ข้อมูลอุปกรณ์: ยี่ห้อและรุ่นของกล้องหรือสมาร์ทโฟน
•การตั้งค่ากล้อง: ความเร็วชัตเตอร์, รูรับแสง, ค่า ISO และข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ
แม้ว่าข้อมูล EXIF จะถูกลบออกไป ซึ่งแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่มักจะทำโดยอัตโนมัติเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ตำแหน่งที่ตั้งยังคงสามารถถูกเปิดเผยได้ผ่านเทคนิคการสืบสวนจากข้อมูลเปิด หรือที่เรียกว่า OSINT (Open-Source Intelligence)
ผู้เชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์องค์ประกอบที่ปรากฏในภาพ (Visual Analysis) เพื่อระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Geolocation) ได้ โดยอาศัยเบาะแสต่างๆ ดังนี้:
จุดสังเกตที่โดดเด่น: อาคารสูง, อนุสาวรีย์, สะพาน หรือสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์
ป้ายและข้อความ: ป้ายชื่อถนน, ป้ายร้านค้า, ป้ายบอกทาง หรือป้ายทะเบียนรถยนต์
ลักษณะทางภูมิศาสตร์: ภูเขา, แม่น้ำ, แนวชายฝั่งทะเล และพืชพรรณเฉพาะถิ่น
สภาพแวดล้อม: รูปแบบของอาคาร, เสาไฟฟ้า, ป้ายโฆษณา
สภาพอากาศและเงา: สามารถใช้ในการประเมินช่วงเวลาของวันและฤดูกาล เพื่อจำกัดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง
การเปรียบเทียบกับเครื่องมือออนไลน์: ผู้สืบค้นจะนำเบาะแสที่ได้ไปตรวจสอบกับเครื่องมืออย่าง Google Maps (Street View), Google Earth หรือภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อยืนยันตำแหน่ง
ความเสี่ยงและความรับผิดชอบ: เมื่อภาพถ่ายหนึ่งใบมีผลกระทบวงกว้าง
ในกรณีของสถานที่ด้านความมั่นคงอย่าง "หลุมหลบภัย" การเปิดเผยพิกัดไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ถือเป็นความเสี่ยงร้ายแรงที่อาจนำข้อมูลไปสู่การใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด และส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยโดยตรง ดังนั้น ความรับผิดชอบในการแบ่งปันข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
แนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย: การจัดการข้อมูลก่อนการแบ่งปัน
ผู้ใช้สามารถป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งได้ผ่านขั้นตอนดังต่อไปนี้:
1. การป้องกันเบื้องต้น: ปิดฟังก์ชันระบุตำแหน่งของกล้อง: วิธีที่ดีที่สุดคือการปิด "Location Services" หรือ "Geotagging" ในการตั้งค่ากล้องของสมาร์ทโฟน เพื่อไม่ให้มีการบันทึกข้อมูล GPS ลงในไฟล์ภาพตั้งแต่แรก
2. การตรวจสอบและลบข้อมูล EXIF ก่อนแชร์:
บนคอมพิวเตอร์: คลิกขวาที่ไฟล์ภาพ > เลือก Properties (คุณสมบัติ) > ไปที่แท็บ Details (รายละเอียด) > เลือก "Remove Properties and Personal Information"
บนสมาร์ทโฟน: แอปพลิเคชันแกลเลอรีส่วนใหญ่จะมีตัวเลือกให้ดู "ข้อมูล" (Info/Details) ของภาพ และมักจะมีตัวเลือกให้ "ลบข้อมูลตำแหน่ง" ก่อนทำการแชร์
ใช้แอปพลิเคชันเสริม: มีแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ถูกออกแบบมาเพื่อลบข้อมูล EXIF โดยเฉพาะ
เทคโนโลยีการถ่ายภาพและการแบ่งปันได้มอบความสะดวกสบายอย่างมหาศาล แต่ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ผู้ใช้ต้องตระหนัก การทำความเข้าใจว่าข้อมูลใดบ้างที่ถูกแนบไปกับภาพถ่ายของเรา และการเรียนรู้วิธีจัดการข้อมูลเหล่านั้น คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในโลกดิจิทัล
ที่มา : photographylife howtogeek bellingcat
ข่าวที่เกี่ยวข้อง