svasdssvasds

สงครามไซเบอร์ ประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิด สมรภูมิ ที่เปิดฉากสู้บนหน้าจอมือถือ

สงครามไซเบอร์ ประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิด  สมรภูมิ ที่เปิดฉากสู้บนหน้าจอมือถือ

สงครามไซเบอร์ (Cyberwarfare) : อีกหนึ่งสมรภูมิรบ ไร้พรมแดน สู่ ห้ำหั่น ดุเดือด ในโลกปัจจุบัน ที่ใช้มือถือ - คอมพิวเตอร์ เป็นอาวุธ

จากกรณีที่ ในช่วงที่ผ่านมามี ประเด็น IO Information Operations จากฝั่งกัมพูชาบุกโจมตีทางไซเบอร์ สื่อมวลชนในประเทศไทย อย่างรุนแรงและหนักหน่วง

จากสิ่งที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่า โลกในปี 2025 สนามรบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผืนดิน น่านน้ำ หรือน่านฟ้าอีกต่อไป สมรภูมิแห่งใหม่ได้ถือกำเนิดขึ้นในโลกดิจิทัล มันคือ "สงครามไซเบอร์" (Cyberwarfare) การเผชิญหน้าไร้พรมแดนที่รัฐชาติต่างๆ ใช้โค้ดคอมพิวเตอร์เป็นอาวุธ เพื่อจารกรรมข้อมูล บ่อนทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ หรือแม้กระทั่งสร้างความโกลาหลให้กับสังคมของฝ่ายตรงข้าม นับเป็นการต่อสู้ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อความมั่นคงและชีวิตประจำวันของเราทุกคน

หากเราลองย้อนรอยประวัติศาสตร์ เพื่อทำความเข้าใจว่าสงครามรูปแบบใหม่นี้มีวิวัฒนาการมาอย่างไร และเราจะป้องกันตัวเองจากเศษซากของสมรภูมินี้ได้อย่างไร

 ประวัติศาสตร์สงครามไซเบอร์ เริ่มในช่วงเวลาใด  

แนวคิดของสงครามไซเบอร์ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกับสมาร์ทโฟน-โซเชียลมีเดีย แบบที่เราใช้กันเป็นอวัยวะที่ 33 ของร่างกายแบบทุกวันนี้  แต่มีรากฐานย้อนกลับไปหลายทศวรรษ

สงครามไซเบอร์ ประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิด  สมรภูมิในเงามืด ที่เปิดฉากสู้บนหน้าจอมือถือ-คอมพิวเตอร์
 

 ยุค 1980s-1990s: ยุคเริ่มต้นและคำเตือนแรก 

ในช่วงปลาายสงครามเย็น การจารกรรมข้อมูลระหว่างสหรัฐฯและสหภาพโซเวียตได้เริ่มคืบคลานเข้าสู่มิติไซเบอร์ 

มันคือสัญญาณแรกของการใช้เทคโนโลยีเพื่อความได้เปรียบทางทหาร แต่เหตุการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนให้โลกดิจิทัลในยุคแรกเริ่มคือ หนอนมอร์ริส (Morris Worm) ในปี 1988 แม้เรื่องนี้ไม่ใช่การโจมตีจากรัฐโดยตรง แต่มัลแวร์ตัวนี้ได้เผยให้เห็นความเปราะบางของอินเทอร์เน็ต และพิสูจน์ว่าโลกที่เชื่อมต่อกันนั้นสามารถถูกทำให้เป็นอัมพาตได้ในวงกว้าง

ต่อมาในปี 1993 นักวิจัยจาก RAND Corporation สถาบันคลังสมองของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความ "Cyberwar is Coming!" ซึ่งเป็นการบัญญัติศัพท์ "Cyberwar" อย่างเป็นทางการ และทำนายอย่างแม่นยำถึงอนาคตของการรบที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์จะเป็นหัวใจสำคัญ

สงครามไซเบอร์ ประวัติศาสตร์ ต้นกำเนิด  สมรภูมิในเงามืด ที่เปิดฉากสู้บนหน้าจอมือถือ-คอมพิวเตอร์
 

ยุค 2000: สงครามเต็มรูปแบบครั้งแรก 

ทฤษฎีกลายเป็นความจริงอันน่าสะพรึงกลัวในปี 2007 เมื่อ เอสโตเนีย ประเทศที่ได้ชื่อว่าก้าวหน้าทางดิจิทัลที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ต้องตกอยู่ในภาวะอัมพาต เว็บไซต์ของรัฐบาล ธนาคาร และสื่อมวลชนถูกโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS) อย่างหนักหน่วงและเป็นระบบเป็นเวลาหลายสัปดาห์ เหตุการณ์นี้ซึ่งเชื่อว่ามีต้นตอจากรัสเซีย ถูกยกให้เป็น "สงครามไซเบอร์ครั้งแรกของโลก" ที่แสดงให้เห็นว่าการโจมตีทางดิจิทัลสามารถทำให้รัฐชาติทั้งรัฐหยุดชะงักได้

 ยุค 2010-ปัจจุบัน: ยุคแห่งอาวุธไซเบอร์และการทำลายล้าง 

ในปี 2010 โลกได้รู้จักกับ สตักซ์เน็ต (Stuxnet) อาวุธไซเบอร์ที่เปลี่ยนเกมไปตลอดกาล ไวรัสคอมพิวเตอร์ที่มีความซับซ้อนสูงนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อมุ่งเป้าทำลายเครื่องหมุนเหวี่ยงในโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยเฉพาะ นี่คือครั้งแรกที่โค้ดคอมพิวเตอร์ถูกใช้เพื่อสร้างความเสียหายทางกายภาพโดยตรง และเป็นข้อพิสูจน์ว่าสงครามไซเบอร์มีศักยภาพเทียบเท่าอาวุธในโลกแห่งความจริง

นับจากนั้นเป็นต้นมา สมรภูมิไซเบอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างเปิดเผย ดังที่เห็นได้ชัดในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่การโจมตีทางกายภาพดำเนินไปพร้อมกับการต่อสู้ในโลกไซเบอร์อย่างดุเดือด

ส่วนข้อพิพาทไทยกัมพูชา ,ก็อย่างที่เห็นกัน มีทั้ง IO Information Operations และการสร้าง Fake News


สมรภูมิสงครามไซเบอร์ ในชีวิตประจำวัน : 6 การโจมตีทางไซเบอร์ที่ควรรู้จัก 

แต่สมรภูมิไซเบอร์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเผชิญหน้าระหว่างรัฐชาติ เทคนิคและเครื่องมือเหล่านี้ได้แพร่กระจายมาสู่ชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบต่อทั้งองค์กรและบุคคลทั่วไป การทำความเข้าใจรูปแบบการโจมตีที่พบบ่อยจึงเป็นสิ่งสำคัญ

มัลแวร์ (Malware): เปรียบเสมือนกองทัพดิจิทัลขนาดจิ๋วที่แฝงตัวเข้ามาในอุปกรณ์ของเรา มีหลากหลายรูปแบบ ทั้ง ไวรัส ที่ติดมากับไฟล์, เวิร์ม ที่แพร่กระจายตัวเองผ่านเครือข่าย, โทรจัน ที่ปลอมเป็นโปรแกรมดีเพื่อหลอกให้ติดตั้ง หรือ สปายแวร์ ที่คอยสอดแนมและขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณ
แรนซัมแวร์ (Ransomware): การ "เรียกค่าไถ่" แห่งโลกดิจิทัล มัลแวร์ชนิดนี้จะเข้ารหัสไฟล์ข้อมูลทั้งหมดของคุณ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ จนกว่าจะยอมจ่ายเงินค่าไถ่ให้กับอาชญากร เป็นภัยคุกคามร้ายแรงโดยเฉพาะกับองค์กรธุรกิจและโรงพยาบาล
ฟิชชิ่ง (Phishing): การหลอกลวงทางจิตวิทยา อาชญากรจะสร้างอีเมลหรือเว็บไซต์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ เช่น อ้างว่าเป็นธนาคารหรือบริษัทขนส่ง เพื่อล่อลวงให้คุณกรอกข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือเลขบัตรเครดิต
การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS): คือการระดมคอมพิวเตอร์จำนวนมาก (ซึ่งอาจเป็นเครื่องที่ติดมัลแวร์) ให้ส่งคำขอเข้าไปยังเป้าหมายเดียวกันพร้อมๆ กัน ทำให้ระบบล่มและไม่สามารถให้บริการได้ เหมือนการสร้างม็อบดิจิทัลไปปิดล้อมประตูบ้านของใครบางคน
การโจมตีแบบดักกลางทาง (Man-in-the-Middle): อาชญากรจะแอบเข้าไปดักฟังการสื่อสารระหว่างคุณกับเว็บไซต์ เช่น เมื่อคุณใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย เพื่อขโมยข้อมูลที่ส่งผ่านไปมา
ภัยคุกคามจากภายใน (Insider Threat): ภัยที่อันตรายที่สุดอาจมาจากคนกันเอง พนักงานปัจจุบันหรืออดีตพนักงานที่ไม่พอใจ อาจใช้สิทธิ์การเข้าถึงที่ตนมีเพื่อจงใจขโมยข้อมูลหรือทำลายระบบจากภายใน

เกราะป้องกันในโลกไซเบอร์: เราจะรับมือได้อย่างไร? 

ในสงครามที่มองไม่เห็นนี้ ความรู้คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด ทั้งในระดับบุคคลและองค์กรควรมีมาตรการป้องกันพื้นฐานดังนี้

สำหรับบุคคลทั่วไป:
สร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: ใช้รหัสผ่านที่แตกต่างกันในแต่ละบริการและเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองปัจจัย (2FA) ทุกครั้งที่ทำได้
คิดก่อนคลิก: ตรวจสอบอีเมลและข้อความที่ไม่คุ้นเคยอย่างระมัดระวัง อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์แนบที่น่าสงสัย
อัปเดตสม่ำเสมอ: อัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์อาจใช้โจมตี

ระวัง Wi-Fi สาธารณะ: หลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมทางการเงินหรือส่งข้อมูลสำคัญเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย

สำหรับองค์กร:
ฝึกอบรมพนักงาน: สร้างความตระหนักรู้ให้พนักงานเข้าใจถึงภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะฟิชชิ่ง
สำรองข้อมูลเป็นประจำ: การมีข้อมูลสำรองที่ปลอดภัยและแยกจากระบบหลัก คือหัวใจของการรับมือแรนซัมแวร์
ติดตั้งระบบป้องกัน: ใช้ไฟร์วอลล์, ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส และเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย
วางแผนรับมือเหตุการณ์: ต้องมีแผนที่ชัดเจนว่าองค์กรจะทำอย่างไรเมื่อถูกโจมตี เพื่อลดความเสียหายและฟื้นฟูระบบให้กลับมาทำงานได้เร็วที่สุด

สงครามไซเบอร์ได้วิวัฒนาการจากแนวคิดเชิงทฤษฎีมาสู่ความเป็นจริงที่คุกคามความมั่นคงของโลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ในสมรภูมิแห่งนี้ พลเมืองทุกคนคือทหาร และแนวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดคือ ความตระหนักรู้และการเตรียมพร้อม ของเราทุกคน

ที่มา : britannica wired spectrum.ieee  bbc

related