รัสเซีย แบน Roblox จุดชนวนประท้วงเดือด ต่อต้านเสรีภาพโลกออนไลน์

เกิดปรากฏการณ์ที่หาได้ยากในรัสเซีย เมื่อประชาชนหลายสิบคนรวมตัวกันฝ่าความหนาวเย็นและหิมะในเมืองทอมสก์ (Tomsk) ไซบีเรีย เพื่อประท้วงคำสั่งแบน Roblox แพลตฟอร์มเกมยอดนิยมสัญชาติอเมริกัน สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นต่อมาตรการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีของรัฐบาล

หน่วยงานกำกับดูแลการสื่อสารของรัสเซีย (Roskomnadzor) ได้ประกาศบล็อก Roblox ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าแพลตฟอร์มดังกล่าว "เต็มไปด้วยเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการพัฒนาทางจิตวิญญาณและศีลธรรมของเด็ก"

ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเซ็นเซอร์สื่อตะวันตกอย่างเข้มข้นในยุคสงคราม ที่รวมถึงการบล็อก Facebook, Instagram และ YouTube เพื่อควบคุมกระแสข่าวสารและป้องกันสิ่งที่รัฐบาลเรียกว่า "สงครามข้อมูล"

ผู้ประท้วงได้ชูป้ายข้อความโจมตีมาตรการดังกล่าวอย่างเผ็ดร้อน เช่น "หยุดคุกคาม Roblox" และ "Roblox คือเหยื่อของม่านเหล็กดิจิทัล (Digital Iron Curtain)" ซึ่งเปรียบเปรยการปิดกั้นทางเทคโนโลยีเสมือนกำแพงที่ปิดกั้นรัสเซียจากโลกภายนอก ภาพถ่ายจากผู้จัดงานแสดงให้เห็นกลุ่มคนยืนล้อมวงกลางหิมะ พร้อมป้ายที่ระบุว่า "การแบนและบล็อก คือสิ่งเดียวที่คุณทำเป็น"

ในมุมมองทางเทคโนโลยี การแบนดังกล่าวจุดประเด็นถกเถียงเรื่องประสิทธิภาพของการเซ็นเซอร์ในยุคดิจิทัล แม้รัฐจะสั่งปิดกั้น แต่ชาวรัสเซียจำนวนมากยังคงเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ผ่าน VPN (Virtual Private Networks)

เยาวชนรัสเซียหลายคนตั้งคำถามถึงตรรกะของการแบนที่สามารถหลบเลี่ยงได้ง่ายดายเพียงไม่กี่คลิก ในขณะเดียวกันก็เกิดคำถามถึงความขาดแคลน "แพลตฟอร์มทดแทน" ของรัสเซียเองที่มีคุณภาพเทียบเท่าแอปฯ ตะวันตก

อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องความปลอดภัยใน Roblox ไม่ใช่เรื่องใหม่ หลายประเทศรวมถึงตุรกีและอิรักได้แบนแพลตฟอร์มนี้เช่นกันจากความเสี่ยงเรื่องผู้ไม่หวังดี (Predators) ที่อาจคุกคามเด็ก ซึ่งทาง Roblox แถลงการณ์ย้ำจุดยืนว่าบริษัทมีมาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดและมุ่งมั่นปกป้องผู้ใช้งานอย่างสูงสุด

ความน่าสนใจของข่าวนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง "เกมถูกแบน" แต่คือการที่ แพลตฟอร์มเกมสำหรับเด็ก กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านทางการเมือง คำว่า "Digital Iron Curtain" ที่ผู้ประท้วงใช้ สะท้อนความตระหนักรู้ของผู้คนว่าพวกเขากำลังถูกตัดขาดจากโลกดิจิทัลสากล ไม่ใช่แค่เรื่องกายภาพอีกต่อไป

นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็น ช่องว่างระหว่างวัย (Generation Gap) ระหว่างภาครัฐที่ใช้วิธีการควบคุมแบบดั้งเดิม กับพลเมืองยุคใหม่ที่มองเห็นเทคโนโลยีเป็นปัจจัยพื้นฐานที่ขาดไม่ได้

ที่มา : REUTERS