svasdssvasds

ส่องความคิดมหาเศรษฐี ทำไม “วอร์เรน บัฟเฟตต์-บิล เกตส์” ถึงไม่ชอบบิตคอยน์

ส่องความคิดมหาเศรษฐี ทำไม “วอร์เรน บัฟเฟตต์-บิล เกตส์” ถึงไม่ชอบบิตคอยน์

บิตคอยน์ การเงินแห่งอนาคต แต่ทำไมคนรวย ๆ อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ และ บิล เกตส์ ถึงไม่ชอบและไม่เชื่อมั่นในมันเอาเสียเลย ?

เริ่มต้นที่ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Microsoft ออกมาเปรียบเทียบว่า “ทฤษฎีคนโง่กว่า” แบบ 100% คือ การที่เอาของที่มูลค่าสูงเกินจริง มาขายให้นักลงทุน ที่ในทฤษฎีเรียกว่า “คนโง่กว่า” มาซื้อต่อแล้ววนอย่างงี้ไปเรื่อย ๆ

บิล เกตส์ บอก “เขาคุ้นเคยกับสินทรัพย์ที่ให้ผลผลิตที่จับต้องได้ อย่างฟาร์ม โรงงาน หรือบริษัทที่ผลิตสินค้าออกมา” ซึ่ง บิตคอยน์ไม่มี

ที่สำคัญคือ ด้วยความคิดของบิตคอยน์ที่ไม่ต้องการให้ใครมาคุมกลไกของมัน หรือที่เราเรียกว่า Defi ทำให้รัฐบาล-ธนาคาร ไม่สามารถเข้ามาควบคุมได้ จึงทำให้ บิล เกตส์ ไม่ชอบเอาเสียเลย

มาต่อกันที่ คนที่ 2 คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีของสหรัฐฯ บอกว่า ต่อให้เอาบิตคอยน์ทั้งโลกมากองในราคา 25 ดอลลาร์ เขาก็ไม่ซื้อ

ตอนแรกเราอาจจะมองว่า ก็เพราะเขาเป็นนักลงทุนในโลกเก่า อย่างตลาดหุ้นไง เขาเลยไม่ชอบ

แต่จริง ๆ แล้ว เขามองว่า บิตคอยน์นั้นไม่ได้มีค่าอะไร เพราะมันไม่ได้สร้างผลิตผลอะไรเลย และเขาสนใจจะซื้อที่ดินทำเกษตรหรืออะพาร์ตเมนต์ในบางประเทศมากกว่า

มาดูฝั่งคนเห็นด้วยบ้าง เริ่มที่ อีลอน มัสก์ เรียกได้ว่า เขานี่เป็น FC บิตคอยน์เลยก็ว่าได้ เขาเชื่อมั่นในบิตคอยน์ถึงขนาดที่ว่าเคยเปิดให้คนเอาคริปโทซื้อรถเทสลาของเขาได้

มากไปกว่านั้นเขายังเชื่อมั่นจนกลายเป้นหนึ่งในคนที่ไม่ว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอะไรก็ทำราคาเงินคริปโทฯ ขึ้นลงได้

โดยเขาเคยทวีตว่า “บิตคอยน์คือโลกแห่งความมั่นคงของผม”

มาต่อที่คนสุดท้าย คนนี้คงไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าของ Facebook ที่เคยพยายามจะออกสกุลเงินดิจิทัล ที่ชื่อว่า ลิบรา (Libra) เมื่อปี 2562 โดยสาเหตุคือต้องการสร้างสกุลเงินที่ไม่อิงกับรัฐบาลกลาง แต่เหมือนบังเอินเขามาก่อนกาลไปนิดนึง ตรงที่ว่า เมื่อปี 62 ผู้คนต่างคิดว่ามันจะทำลายระบบการเงินโลก แต่หลังจากที่เรื่องซา ๆ ลง มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิด

โดยก่อนหน้านั้นในปี 2561 เขาบอกว่า สกุลเงินดิจิทัล อาจเข้ามาช่วยพัฒนาเฟซบุ๊กในอนาคตได้

พอเห็นแนวคิดของมหาเศรษฐีแบบนี้ ประกอบกับราคาบิตคอยน์ตอนนี้ เราคงจะต้องระมัดระวังกับการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหลังจากนี้ให้มากขึ้น เพราะมันมีสิทธิ์ลงไปแตะ 0 ได้ตลอดเวลา แม้จะเกิดขึ้นได้ยากก็ตาม