svasdssvasds

บทเรียนจากผู้รอดชีวิต Eddie Jaku การค้นหาความสุขหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย

บทเรียนจากผู้รอดชีวิต Eddie Jaku การค้นหาความสุขหลังผ่านเหตุการณ์เลวร้าย

Eddie Jaku บทเรียนอันทรงพลังที่เขาทิ้งไว้ในหนังสือขายดี The Happiest Man on Earth แม้จะต้องผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เห็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทุกวัน แนวคิดอะไรที่ทำให้เขาเอาชีวิตรอดและขนานนามตัวเองว่าเป็น คนที่มีความสุขที่สุดในโลก

Eddie Jaku ชายชราตัวเล็กผมขาวที่มองเผินๆ ดูเป็นคนแก่ใจดี มีความสุข เขาเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2021 ในวัย 101 ปี ยากที่จะเดาได้ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 6 ล้านคนในช่วงปี 1941-1945 เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่โหดร้ายที่สุดหน้าหนึ่งของมวลมนุษยชาติ 

โดยในวันที่ 27 มกราคมของทุกปี ถือเป็นวันรำลึกเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์สากล หรือ International Holocaust Remembrance Day ที่องค์การสหประชาติกำหนดขึ้น 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แต่ในวันนี้จะมาถอดบทเรียนที่ได้จากชายที่ชื่อ Eddie Jaku เหตุใดเขาถึงเรียกตัวเองว่าคือ The Happiest Man on Earth โดยเขาได้เขียนเป็นหนังสือตีพิมพ์ในวัยที่ครบรอบ 100 ปี และได้กลายเป็นหนังสือขายดีในเวลาอันรวดเร็ว เบื้องหลังความสุขที่ผ่านประสบการณ์เลวร้ายของเขาคืออะไร นี่เป็นเพียงบทเรียนส่วนหนึ่งที่ทรงพลังจากการเรียนรู้ในการค้นหาความสุข
สรุปและเรียบเรียงเนื้อหาจากในงาน TEDxSydney เมื่อปี 2019  

คลิป Eddie Jaku กล่าวในงานบรรยาย TEDxSydney

ในวันที่สูญเสียศักดิ์ศรี เสรีภาพ และศรัทธาในมนุษยชาติ

Eddie Jaku หลังจากบรรยายได้รับการยืนขึ้นแสดงความชื่นชม พร้อมเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง
Eddie Jaku ชายชรายืนตัวตรงพูดอย่างสง่าผ่าเผยต่อหน้าคนในเจนเนอเรชั่นที่ห่างจากเขาหลายทศวรรษ กล่าวย้อนถึงวันที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของเขาได้อย่างเสียงดังฟังชัด ด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย "เวลา 05.00 น. วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2481 มีนาซีสิบคนบุกเข้ามาพังประตูบ้าน รื้อทำลายข้าวของในบ้านที่มีอายุกว่า 200 ปีของครอบครัวและ ฆ่า Lulu สุนัขที่ฉันรักที่พยายามจะปกป้องฉันไปต่อหน้าต่อตา" "เอ็ดดี้ คุณจะตายวันนี้" เขากล่าวในใจกับตัวเอง

"ฉันสูญเสียทุกสิ่งเพื่อการฉันมีชีวิตอยู่ ฉันถูกลดทอน กลายเป็นคนกลายเป็นไม่มีอะไรเลย เกิดอะไรขึ้นกับประเทศที่ฉันเกิด ประเทศบรรพบุรุษของฉัน" 

ในคืนวันนั้นถูกจดจำในชื่อ Kristallnacht หรือคืนวันกระจกแตก นั่นก็เพราะเป็นค่ำคืนที่ร้านรวงต่างๆ ของชาวยิวในเยอรมนีถูกทุบทำลายทิ้งอย่างราบคาบ เกิดจราจล ปล้นทรัพย์สินและเผาบ้านเรือน แต่นี่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่จะเกิดขึ้นในอีกหลายปีหลังจากนี้

เขาถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกันหลายที่หลังจากที่ถูกจับตัว ทั้ง ค่าย Buchenwald ค่ายกักกันชาวเยอรมันในเบลเยี่ยม ค่าย Gurs ในฝรั่งเศส และมาจบที่ ค่าย Auschwitz ที่ถูกขนานนามว่าเป็นนรกบนดิน สถานที่ซึ่งพรากชีวิตพ่อและแม่ Eddie Jaku ไปอย่างไม่มีการร่ำลา 

บทเรียนที่ 1 
หากยังมีโอกาสจงกลับบ้านไปบอกรักแม่ (และครอบครัว) เพราะคุณอาจจะไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอคนที่คุณรักหรือเปล่า

เขาโชคดีที่หนีออกมาจากค่ายกักกัน Auschwitz และซ่อนตัวอยู่ในป่าเพียงคนเดียวนานหลายเดือนจนทหารอเมริกันมาพบและได้รับการช่วยเหลือจนสามารถมายืนในวันนี้ 

บทเรียนที่ 2
"ความเกลียดชังเป็นโรคร้ายที่อาจทำลายศัตรูของคุณ แต่ในทางเดียวกันมันก็เป็นกระบวนทำลาย กัดกิดตัวคุณเองด้วยเช่นกัน" ถึงแม้เขาจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายในค่ายกักกันที่ต้องทนเห็นคนตายและโดนทรมานทุกวัน แต่เขาสามารถกลับมามีชีวิตที่มีความสุข มีครอบครัวที่น่ารัก มีภรรยาที่อยู่กินด้วยกันยาวนาน 73 ปี ด้วยความตั้งใจที่จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต โดยไม่มีความเกลียดชังหลงเหลือให้ใคร 

แม้จะต้องเริ่มต้นชีวิตใหม่ตัวเปล่า ไม่มีเอกสารยืนยันตัวตน พลัดพรากจากครอบครัวและยังเป็นคนที่ไม่มีความสุขเหมือนในทุกวันนี้ แต่เขากลับมาเชื่อมั่นในมนุษย์อีกครั้งหลังจากที่ภรรยาให้กำเนิดลูกชายคนแรก  และสัญญากับตัวเองตั้งแต่วันนั้นจนกว่าจะถึงว่าวาระสุดท้ายของชีวิต ว่าจะมีความสุข ยิ้มให้บ่อย อ่อนน้อมสุภาพ ช่วยเหลือและใจดีต่อผู้อื่น 

เขาค้นพบว่าความสุขนั้นจากการได้อยู่กับครอบครัว มีภรรยาและลูกชาย รวมทั้งหลานๆ และเหลนๆ อีกมากมายของเขา

บทเรียนที่ 3
ความสุขไม่ได้ร่วงลงมาจากฟ้า มันอยู่ในมือของเรา ถ้าชีวิตคุณมีสุขภาพที่ดี มีความสุข คุณก็คือเศรษฐี นั่นก็เพราะคนที่มีความสุขจะสะท้อนสุขภาพที่ดีต่อไปยังร่างกายและจิตใจ ทัศนคติเชิงบวกทำให้เขามีอายุยืนถึง 99 ปี(ในวันที่บรรยาย)

มองเห็นดอกไม้หนึ่งดอกเป็นสวนสวยงาม 
เพื่อนที่ดีหนึ่งคนคือโลกทั้งใบ

คนรุ่นปัจจุบันวิ่งตามหา โดยไม่รู้จักการหยุดพัก ลองใช้เวลาชื่นชมความสุขรอบๆ ตัวและสนุกกับการใช้ชีวิต หัวเราะให้มากขึ้น ร้องไห้บ้างก็ได้ ชวนเพื่อนมารับประทานอาหารมื้อพิเศษ ออกไปเดินเล่น แน่นอนว่าพรุ่งนี้จะมาถึง แต่อย่าลืมสนุกกับการใช้ชีวิตในเวลาปัจจุบัน 

บทเรียนที่ 4
สร้างมิตรภาพที่มีค่าในได้หนึ่งชีวิต "ผมสงสัยว่าคนเราดำรงอยู่ได้อย่างไรโดยปราศจากมิตรภาพ การไม่มีคนที่จะแบ่งปันความลับ ความหวัง และความฝัน หรือบอกเล่าเรื่องราวความโชคดีหรือความสูญเสียที่ผ่านเขามาในชีวิต สิ่งที่เป็นความหอมหวานมิตรภาพ คือการได้มีเสียงหัวเราะ แบ่งปันความสุขและช่วงเวลาดีๆ ที่ช่วยทำให้วันดีๆ นั้นเป็นวันที่ดียิ่งกว่าเดิม และ ทำให้ลืมช่วงเวลาแย่ๆ ได้เร็วขึ้น ก็เป็นเพราะความมหัศจรรย์ของมิตรภาพ"

บทเรียนที่ 5
หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิดว่าจะมีชีวิตรอดมาได้ การได้ทำให้คนหนึ่งที่กำลังเศร้าอยู่ยิ้มได้ ก็ทำให้มีความสุข 
โดย Eddie Jaku กล่าวทิ้งท้ายการบรรยาย ไว้ว่า "โปรดอย่าเดินนำหน้าฉัน ฉันอาจจะตามไม่ทัน โปรดอย่าเดินตามหลังฉัน ฉันอาจจะเป็นผู้นำให้ไม่ได้ ขอแค่เดินเคียงข้างฉันและเป็นเพื่อนกับฉัน"

ขอให้ทุกคนมีความรักที่แบ่งปันให้แก่กัน มีสุขภาพที่ดี และมีเพื่อนที่ห่วงใยอย่างแท้จริง จากเพื่อนใหม่ที่รักของทุกคน Eddie Jaku

หนังสือ The Happiest Man on Earth เขียนโดย  Eddie Jaku

ประวัติโดยย่อของ Eddie Jaku OAM 

  • เกิด Abraham Jakubowicz ในเยอรมนีในปี 1920 ในครอบครัวเยอรมนีเชื้อสายยิว
  • สร้างครอบครัว แต่งงานกับ Flore Molho อยู่กินกันยาวนาน 73 ปี มีลูกชายสองคน มีหลานและเหลน 
  • 9 พฤศจิกายน 1938 คืนวันกระจกแตก (Kristallnacht) เป็นคืนปกติสุดท้ายก่อนเกิดเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตของเขาและครอบครัว
  • ตุลาคม 1943 ครอบครัวของ Eddie ถูกจับและส่งตัวไปยังค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ และพ่อแม่ของเขาทั้งคู่ถูกฆ่าตาย
  • มิถุนายน 1945 ไเขาด้รับการช่วยเหลือออกมาจากป่า 
  • ในปี 1992 เริ่มต้นทำงานเป็นอาสาสมัครที่พิพิธภัณฑ์ยิวในเมืองซิดนีย์
  • ในปี 2013 หลังจากย้ายมาตั้งรกรากใหม่ที่ประเทศออสเตรเลียหลายสิบปี เขาได้รับเหรียญเกียรติยศยกย่องจากรัฐบาล
  • ในปี 2021 สมาคมสำนักพิมพ์ในออสเตรเลียมอบรางวัลประกาศเกียรติคุณให้กับหนังสือ The Happiest Man on Earth ของเขา
  • Eddie Jaku เสียชีวิตวันที่ 12 ตุลาคม 2021 ในวัย 101 ปี

ที่มา

ted.com

related