svasdssvasds

งานเร่ง - ความเสี่ยงภาวะหมดไฟ งานด่วนเผา ให้ Burnout โดยไม่รู้ตัว

งานเร่ง - ความเสี่ยงภาวะหมดไฟ งานด่วนเผา ให้ Burnout โดยไม่รู้ตัว

“งานด่วน” จุดไฟเผาชีวิต : จากซีรีส์ไวรัล สงครามส่งด่วน จากใน Netflix สู่เรื่องจริงในออฟฟิศ ที่ งานด่วน เผาเรา ให้ Burnout โดยไม่รู้ตัว!

ซีรีส์ “Mad Unicorn: สงครามส่งด่วน” ใน Netflix กำลังเป็นกระแสแรง เพราะตีแผ่โลกของการส่งพัสดุที่แข่งขันกันระดับวินาที 

โดยเนื้อหาจากในซีรีส์ จากทีไทยทีมันส์ จะเห็นได้ว่า การแข่งขันที่เข้มข้นของธุรกิจส่งพัสดุนั้น "เวลา" แต่ละนาที ช่างมีความหมายเหลือเกิน  , 1 นาที ก็มีความหมายมากๆ 

แต่ในโลกการทำงานในความเป็นจริง ในหลายๆ ออฟฟิศ - ในหลายๆที่ทำงานนั้น  คำว่า งานด่วน งานด่วนไฟไหม้  อาจจะส่งผลทำให้ใครหลายคน เกิดภาวะ "เบิร์นเอาท์" Burn Out ได้ ,เพราะคำว่า ด่วน กลายเป็นอาวุธทิ่มแทงจิตใจคนทำงาน 

“ความด่วน” ที่แทรกซึมเข้ามาในชีวิตจริง และกำลังลุกลามเป็นวัฒนธรรมแห่งความรีบที่เผาไหม้คนทำงานอย่างเงียบๆ

เวลา 1 นาทีมีความหมาย — แต่ความเร่งรีบตลอดเวลากำลังพาคนสู่ Burnout 

ในโลกจริง คำว่า “งานด่วน งานไฟลุก” อาจไม่ใช่แค่เรื่องของ Deadline แต่กลายเป็นคำที่ทำร้ายสุขภาพกาย-ใจโดยไม่รู้ตัว เพราะร่างกายและสมองต้องเข้าสู่โหมด “สแตนด์บายฉุกเฉิน” ตลอดเวลา ทั้ง Cortisol และ Adrenaline พุ่งขึ้น ทำให้เราอยู่ในภาวะเครียดสะสมจนกลายเป็น Burnout ได้ง่าย

วิจัยจาก Harvard Health ยืนยันว่า เมื่อร่างกายเจอกับความเครียดเรื้อรัง สมองจะหลั่งฮอร์โมนที่รบกวนการนอน การพัก และแม้แต่การฟื้นตัวของอารมณ์

งานเร่ง - ความเสี่ยงภาวะหมดไฟ งานด่วนเผา ให้ Burnout โดยไม่รู้ตัว Credit ภาพ Netflix

ไม่ใช่แค่เหนื่อย แต่คือวงจรความพังที่วนไม่รู้จบ

แม้งานจะเสร็จไปแล้ว ร่างกายยังวนลูปความเครียด -  หลับก็ไม่สนิท คิดก็ไม่หยุด จนต้องฝืนทำงานไปทั้งที่ “พลังงานหมดแล้ว” ผลลัพธ์คือคุณภาพงานตก ความสุขในชีวิตหาย และความรู้สึกห่างเหินจากสิ่งที่เคยมีความหมาย

Urgency Culture: เมื่อทุกงานคืองานรีบ 

เรากำลังอยู่ในโลกที่เสียงแจ้งเตือน LINE ดังทีไร หัวใจก็สั่น — เพราะไม่รู้ว่านั่นคือเรื่อง “ด่วน” อีกแล้วหรือเปล่า?

ในหลายองค์กร ความรีบกลายเป็นบรรยากาศถาวร ไม่ว่าจะเพราะ work from home ที่เบลอเส้นระหว่างเวลางานกับเวลาส่วนตัว หรือเพราะการแข่งขันที่ทำให้ทุกวันเหมือนอยู่ในสนามรบ

ผลคือ…
คนทำงานรู้สึก “วิตกกังวล” ตลอดเวลา
ไม่ได้ทำงานที่มีความหมาย แต่แค่ “ทำให้เสร็จทัน”
ไม่มีเวลาคิดสร้างสรรค์ หรือแม้แต่ “ตรวจความถูกต้อง”
คุณภาพชีวิตและงาน ตกลงพร้อมกัน

จากรายงาน A Theory of Workplace Anxiety พบว่า:

  • 40% ของคนทำงานในสหรัฐฯ รู้สึกเครียดระหว่างทำงาน
  • 72% บอกว่ามันกระทบต่อทั้งงานและชีวิตส่วนตัว

ทางออกไม่ใช่ “เลิกด่วน” แต่ “ลดความรีบที่ไม่จำเป็น”
Dermot Crowley ผู้เขียนหนังสือ Urgent! เสนอแนวทางไม่ใช่ให้เราทิ้งความเร่งรีบทั้งหมด แต่ให้ “แยกแยะ” ว่าอันไหนด่วนจริง อันไหนแค่ดูด่วน เช่น:

ตั้งเวลาส่งอีเมลให้อยู่ในเวลางาน
รวมเรื่องไม่ด่วนไปพูดทีเดียวในการประชุมรอบถัดไป
แยกแยะให้ชัดว่า “เรื่องสำคัญ” กับ “เรื่องเร่งด่วน” ไม่เหมือนกัน
และที่สำคัญ - คนทำงานต้องกล้าวางขอบเขตให้ชัด

ต้องกล้าหาญบอกว่า “ตอนนี้ทำไม่ได้” เพราะอยู่นอกเวลางานหรืออยู่ระหว่างพัก เพื่อไม่ให้ความพร้อมของเรากลายเป็น “กับดัก” ที่ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นงานด่วนไปหมด

งานเร่ง - ความเสี่ยงภาวะหมดไฟ งานด่วนเผา ให้ Burnout โดยไม่รู้ตัว Credit ภาพ Netflix

“เร็ว” ไม่ได้แปลว่า “มั่นคง” เสมอไป 

โลกที่ดีไม่ควรเต็มไปด้วยงานไฟลุก แต่ควรเป็นโลกที่เรามีโอกาสได้หยุดคิด พักหายใจ และสร้างสรรค์อย่างมีคุณภาพ  บางที “ก้าวช้า แต่มั่นคง” อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า “วิ่งเร็วจนมอดไหม้

ที่มา : apa.org  health.harvard mdanderson.org

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related