svasdssvasds

ทำไมเราจึงกล้าเปิดใจ-ระบายปัญหาชีวิตกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนสนิท

ทำไมเราจึงกล้าเปิดใจ-ระบายปัญหาชีวิตกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนสนิท

เปิดเหตุผล ทำไมมนุษย์เราบางส่วน จึงกล้าที่จะระบายความใจหรือปัญหาชีวิตกับคนแปลกหน้ามากกว่าเล่าให้คนสนิทฟัง เรื่องนี้มีงานวิจัยทางจิตวิทยารองรับนะ...

สวัสดีคนแปลกหน้า… ฉันมีเรื่องไม่สบายใจหลายเรื่องเลยแหละ 

  • ฉันน่ะทำงานอยู่ที่องค์กรแห่งหนึ่ง ฉันทำตำแหน่งผู้จัดการ แต่ฉันกลัว กลัวว่าจะดูแลลูกน้องไม่ดี
  • ผมรู้สึกว่า ผมไม่มีเป้าหมายเอาซะเลย และรู้สึกว่าให้รางวัลตัวเองบ่อยเกินไป จนดูเหมือนเป็นคนไม่เอาไหน และก็สุรุ่ยสุร่ายจนมีปัญหาการเงินตามมาบ่อย ๆ  
  • แม่ฉันน่ะ อยากมีหลานเร็ว ๆ แต่ฉันกับสามียังไม่อยากมี ฉันอธิบายกับเขาหลายครั้งแล้วล่ะ แต่เขาไม่ฟังเลย
  • ฉันเป็นหนี้อยู่แหละ เยอะมากด้วย แต่ฉันไม่กล้าบอกคนที่บ้าน กลัวพวกเขาเคลียด
  • ฉันลาออกจากงานมานานแล้ว แต่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับแม่ ทุกวันนี้ฉันยังทำเหมือนออกไปทำงานทุกวัน แต่ฉันแค่ออกไปนั่งแช่ที่คาเฟ่ พอตกเย็นกลับบ้าน ฉันกลัวว่าฉันจะทำให้เขาผิดหวังน่ะ
  • ฉันเป็นโรคซึมเศร้าล่ะ แต่ว่าที่บ้านไม่เข้าใจเลย 
  • ผมรู้สึกเป็นพ่อที่ไม่ดีพอ รู้สึกว่าตัวเองเป็นเสาหลักให้ที่บ้านไม่ได้

มีใครเป็นบ้างไหม? ปัญหาชีวิตหลาย ๆเรื่อง เรากล้าที่จะเปิดเผยปัญหาชีวิตหรือระบายความในใจให้คนแปลกหน้าฟัง แทนที่เราจะกลับไปเล่าหรือระบายให้กับคนใกล้ชิดฟัง 

ทำไมเราจึงกล้าเปิดใจ-ระบายปัญหาชีวิตกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนสนิท ต้องบอกว่าเหตุการณ์นี้มีอยู่จริง และเกิดขึ้นบ่อยมาก ๆ ในชีวิตประจำวันของเราทุกคน โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดีย

ในการศึกษาทางสังคมวิทยาและจิตวิทยา เช่น ในงานวิจัยของ Mario Luis Small นักสังคมวิทยา จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้เรียกปรากฎการณ์นี้ว่า The Paradox of Confiding in (Near) Strangers ความย้อนแย้งของการระบายความในใจกับคนแปลกหน้าหรือคนที่เราแทบไม่รู้จักเลย

มาริโอ มองว่าผู้คนมักจะระบายเรื่องสำคัญให้กับคนแปลกหน้าด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ

การหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่สนิท (Avoiding Burdening Close Ties) 

คนมักไม่อยากเล่าเรื่งที่ลำบากใจให้กับคนสนิทฟัง เพราะ

  • กลัวสร้างความกังวลให้เขา : คนเหล่านี้ไม่ต้องการให้คนรัก เช่น คู่สมรส หรือ พ่อแม่ ต้องเป็นห่วง หรือมาแบกรับความเครียดไปด้วย
  • มองความกลัวเป็นความอ่อนแอ/เป็นภาระ : กังวลที่จะเปิดเผยปัญหาที่ทำให้ถูกมองในแง่ลบ หรือมองว่าเป็นภาระในความสัมพันธ์
  • ความไม่แน่นอนของบทบาท : บางคนมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เช่น กับคู่สมรสที่แม่ที่มีหลากหลายบทบาท เช่น เขาผู้นั้นเองก็เป็นเพื่อน ผู้สนับสนุน ผู้ตัดสิน หรือผู้วิจารณ์ คือเราไม่แน่ใจว่าเรากำลังคุยกับเขาในบทบาทที่เราต้องการหรือเปล่า เช่น พอระบายไป เราหวังให้เขาเป็นผู้สนับสนุน แต่กลายเป็นว่า เขากลับวิจารณืหรือดุด่าเราแทน สุดท้าย เราก้ไม่กล้าเล่าอะไรให้เขาฟังอีกเลย

ทำไมเราจึงกล้าเปิดใจ-ระบายปัญหาชีวิตกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนสนิท การแสวงหาความเห็นอกเห็นใจเชิงรับรู้ (Seeking Cognitive Empathy)

  • บางครั้งสิ่งที่คนต้องการไม่ใช่แค่ความอบอุ่น หรือกำลังใจ อย่างเดียว แต่ต้องการความเข้าใจต่อปัญหาที่เล่าไป
  • คนแปลกหน้า หรือคนไม่สนิท ที่เคยมีประสบการณ์คล้ายกับเรา มักจะสามารถตอบสนองในเรื่องที่ตรงกับความรู้สึกและสถานการณ์ที่เป็นอยู่ของเรามากกว่าคนสนิท ประมาณว่า หัวอกเดียวกัน ฉันเข้าใจ

การตอบสนองตามสัญชาตญาณและความจำเป็นเร่งด่วน (Vulnerability and Urgency)

  • ในห้วงเวลาแห่งความเปราะบางหรือความทุกข์ใจอย่างรุนแรง ความต้องการที่จะ “ระบาย” หรือ “พูด” ออกมานั้นมีมากกว่าความต้องการที่จะปกป้องตนเอง คือบางทีฉันแค่อยากปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาเฉย ๆ
  • บุคคลอาจจะไม่ได้คิดอย่างมีเหตุผล (not highly rational) เลือกที่จะระบายกับใครก็ตามที่อยู่ใกล้ที่สุดในขณะนั้น เพราะความต้องการที่จะพูดมันมากกว่าการหยุดคิดว่าสิ่งที่พูดไปจะมีผลกระทบในอนาคตหรือเปล่า

นอกจากนี้ ในงานวิจัยอื่น ๆ เช่น งานวิจัยของ Boaz Keysar และ Nicholas Epley จาก UChicago พบว่า ความสนิทสนมอาจทำให้เกิดอคติในการสื่อสาร โดยผู้พูด (คนระบาย) มักคิดไปเองว่าคนสนิทเข้าใจในสิ่งที่เราพูด โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายมากเท่าที่ควร ซึ่งจริง ๆ แล้ว คนสนิทอาจไม่ได้เข้าใจมากเหมือนที่เราคิด ซึ่งก็นำไปสู่ความเข้าใจผิดที่อาจมีเปอร์เซ็นต์มากกว่าการคุยกับคนแปลกหน้า

และที่สำคัญมากกว่านั้น คือ เรื่องราวที่เราเล่าไป สุดท้ายมันหายไปกับคนแปลกหน้าที่เรารู้จักกันชั่วคราว ปัญหาของเราไม่ได้ถูกเล่าต่อโดยคนใกล้ตัว จนกระทบต่อความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิด 

ทำไมเราจึงกล้าเปิดใจ-ระบายปัญหาชีวิตกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนสนิท เราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ความเป็นนิรยาม ไม่มีผลกระทบระยะยาว (Anonymity and Low Stakes) คือถ้าเราเปิดเผยเรื่องส่วนตัวหรือความลับกับคนสนิทหรือคนรู้จัก เราจะกลัวในเรื่องของ “อย่าบอกใครนะ” สุดท้ายแล้วมันก็ถูกบอกต่อ สร้างความไม่เชื่อใจกัน และกระทบต่อความสัมพันธ์ได้

แต่ถ้าเราเล่าเรื่องส่วนตัวกับคนแปลกหน้า มันเป็นเหมือนการระบายแบบไม่มีข้อผูกมัดเพราะเรามั่นใจว่าเราจะไม่ได้เจอคนๆนั้นอีก หรือเรื่องที่เล่าไปก้ไม่มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันหรือความสัมพันะ์ในสังคมของเรา

และแน่นอน คนแปลกหน้ามักจะไม่ตัดสินเรา เขาจะให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไร้คติที่ไม่ดีต่อเรา พวกเขาจึงรับฟังเราด้วยมุมมองที่บริสุทธิ์ และเป็นกลาง 

การที่เราเล่าเรื่องคับข้องใจให้กับคนแปลกหน้าฟัง มีประโยชน์ทางสุขภาพด้วยนะ งานวิจัยจำนวนมากชี้ว่า การเปิดเผยความรู้สึกหรือความลับ มีส่วนช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น เพราะเป็นการลดความตึงเครียดจากการยับยั้งและการเก็บกด (Inhibitory Stress) 

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ในทางจิตวิทยา การที่เรากล้าระบายความในใจกับคนแปลกหน้ามากกว่าคนสนิทนั้น เป็นเพราะเรารู้สึกว่า มีความเสี่ยงต่ำในระยะยาว, มีความเป็นอิสระทางอารมณ์ และเราก็ได้รับมุมมองบริสุทธิ์ใหม่ ๆ จากคนที่ไม่รู้จักเราดีเหมือนคนสนิท

แล้วคุณล่ะ ถ้าเลือกได้อยากเล่าปัญหาชีวิตให้ใครฟังบ้าง?

related