SHORT CUT
ชวนรู้จัก "เสียงธรรมชาติบำบัด" เมื่อเสียงของธรรมชาติ ช่วยเยียวยาจิตใจ ลดความเจ็บปวดทางกายให้กับมนุษย์ได้ ฟังเสียงฝนวันละ 5-10 นาที อารมณ์ดีได้ตลอดวัน
*จะดีมากๆเลย ถ้าคุณอ่านบทความนี้ พร้อมกับเปิดฟังเสียงธรรมชาติหรือเสียงเพลงคลอเสียงฝนไปด้วย*
บางช่วงเวลา ความสุขมักผ่านไปเร็ว ส่วนวันแห่งความเจ็บปวดนั้น ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน “มนุษย์” เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุด ในขณะเดียวกันก็ทำลายกันเองได้ง่ายที่สุดด้วย แต่ไม่ว่าคุณจะเจออะไรมา เชื่อไหมว่า เราทุกคนล้วนมียาวิเศษอยู่กับตัว มีคุณสมบัติลดความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจ แค่บางครั้งเราอาจมองข้ามมันไป
พลังที่หลายคนมองข้าม ไม่ใช่ของราคาแพง ไม่ใช่ของหายาก ไม่ต้องแย่งชิงกับใคร ไม่ต้องเดินทางไกลหลายสิบกิโลเมตรเพื่อค้นหา แต่เป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราทุกวันเหมือนออกซิเจนที่มีตัวตน แค่มองไม่เห็น สิ่งที่ว่านั้นคือ เสียงของธรรมชาติ (Nature’s Sound) ซึ่งเราขอเรียกสิ่งนี้ว่า "เสียงธรรมชาติบำบัด"
เคยไหม เวลาเรานั่งทำงาน นั่งอ่านหนังสือสอบ หรือทำอะไรที่ต้องใช้สมาธิ แม้กระทั่งก่อนนอน นอกจากเพลงโปรดแล้ว เสียงเพลงคลอเสียงธรรมชาติ หรือเสียงธรรมชาติเพียว ๆ เช่น เสียงฝน เสียงน้ำทะเล เสียงน้ำตก เสียงนกร้อง เสียงป่า ฯลฯ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนชอบเปิดฟังผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกเยอะมาก ๆ โดยเหตุผลหลักคือ ฟังเพื่อให้มีสมาธิและเพื่อผ่อนคลาย
นี่คือพลังของสิ่งที่เราหาเองได้ในยุคที่ผู้คนจำต้องอยู่ท่ามกลางแสงสีเสียงของเมืองใหญ่ คุณอยากรู้ไหม ทำไมเสียงของธรรมชาติจึงมีพลังมากขนาดนี้ หรือใครไม่เชื่อว่า เสียงธรรมชาติจะช่วยลดความเจ็บปวดได้จริง SPRiNG ในคอลัมน์ SPRiNG UP YOUR SOUL ได้รวบรวมข้อมูลด้านจิตวิทยามาให้แล้ว และนี่คือคำตอบที่เราสรุปมาให้
มีงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า เสียงธรรมชาติลดความเจ็บปวดได้จริง ยกตัวอย่าง งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ที่ได้ทำการทดลองให้ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ฟังเสียงธรรมชาติ โดยผู้ป่วยสามารถเลือกฟังเสียงที่ตัวเองต้องการเองได้ เช่น เสียงนกร้อง เสียงป่า เสียงฝน ฯลฯ
ตลอดระยะเวลา 30 นาทีที่ผู้ป่วยฟังเสียงเหล่านี้ ผลปรากฎว่า ผู้ป่วยมีภาวะวิตกกังวลและกระสับกระส่ายน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ฟัง แถมความดันโลหิตก็ลดลงด้วย
งานวิจัยชิ้นหนึ่งสงสัยว่า เสียงธรรมชาติมีอำนาจพอจะช่วยให้ผู้ปวดบรรเทาความเจ็บปวดทางกายไหม? จึงได้ทำการศึกษากลุ่มมารดาที่กำลังเข้ารับการผ่าคลอด โดยแบ่งแม่ ๆ ออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกฟังเสียงธรรมชาติผ่านหูฟัง กลุ่มที่สองใส่หูฟังเหมือนกัน แต่ไม่ได้เปิดฟังเสียงใด ๆ และกลุ่มที่สาม ไม่ได้ใส่หูฟัง และไม่มีเสียงเพลงใด ๆ และแม่ ๆ ทุกคนได้รับการดูแลเหมือนกัน ผลปรากฎว่า เหล่าแม่ที่ได้ฟังเสียงธรรมชาติมีระดับความเจ็บปวดต่ำกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
การศึกษาในปี 2023 ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยได้สัมผัสกับที่แตกต่างกัน ระหว่างเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำในหุบเขา เสียงนกในป่า กับเสียงในเมือง เช่น เสียงจราจรบนถนน ขณะทำแบบฝึกหัด ผลปรากฎว่า เมื่อคะแนนออกมา เด็กที่ฟังเสียงธรรมชาติจะได้คะแนนสูงกว่า เด็กที่ได้ฟังเสียงการจราจรบนถนน
ที่ญี่ปุ่น มีการทดลองในผู้ป่วยชายที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชเนื่องจากได้รับผลกระทบจากการพนัน นักวิจัยให้ผู้ป่วยเข้ารับการทดลองด้วยการฟังเสียงจากป่าและเสียงของเมืองที่มีความละเอียดสูงผ่านหูฟัง โดยได้มีการวัดอัตราการเต้นของหัวใจและความแปรปรวน นอกจากนี้มีการใช้ใช้สเปกโทรสโกปีอินฟราเรดใกล้ (เทคนิคที่ไม่รุกรานซึ่งตรวจสอบปริมาณออกซิเจนในเนื้อเยื่อ) ของคอร์เทกซ์ส่วนหน้า สำหรับการวัดทางจิตวิทยา ได้ใช้โปรไฟล์สถานะอารมณ์ (POMS)
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าอารมณ์เชิงลบลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผู้ป่วยฟังเสียงจากป่า นักวิจัยสรุปว่าเสียงจากป่าสามารถทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายทั้งทางสรีรวิทยาและจิตใจ นอกจากนี้ การดูและฟังเสียงนกยังช่วยเพิ่มผลระยะยาวของความเป็นอยู่ที่ดีในผู้ที่มีภาวะซึมเศร้า
แล้วดนตรีบำบัดล่ะ ช่วยได้เหมือนเสียงธรรมชาติไหม นักวิจัยบางส่วนอธิบายในลักษณะคล้าย ๆ กันทำนองว่า ดนตรีก็สามารถทำให้ผ่อนคลายได้ แต่อาจให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงทำการศึกษาชิ้นหนึ่งขึ้น โดยให้อาสาสมัครแบ่งออกเป็นสองกลุ่มฟังเสียงธรรมชาติและดนตรีผ่อนคลาย และทั้งสองกลุ่มจะถูกนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฟังอะไรเลย โดยนักวิจัยได้ทดสอบระบบประสาทของคนเหล่านี้ว่ากลุ่มไหนจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็วกว่ากัน โดยมีการวัดระดับฮอร์โมนความเครียดคอร์ติซอลและเอนไซม์อะไมเลสในน้ำลาย (ซึ่งมักจะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเครียด)
แน่นอนว่า เสียงธรรมชาติและดนตรีบำบัด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่เสียงธรรมชาติทำให้รู้สึกผ่อนคลายเร็วกว่าเล็กน้อย และระดับคอร์ติซอลในผู้ฟังเสียงธรรมชาติก็ลดลงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ระดับอะไมเลสในน้ำลายของผู้ฟังเสียงดนตรีบำบัดก็กลับคืนสู่ระดับพื้นฐานเร็วกว่าผู้ฟังเสียงธรรมชาติ
นอกจากนี้ นักวิจัยอธิบายเพิ่มมว่า ระบบประสาทของมนุษย์ได้ปรับตัวเข้ากับเสียงธรรมชาติมาเป็นเวลานานหลายยุคสมัย ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ของมนุษย์ มนุษย์ใช้เวลา 99.99% ในสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และเพียง 0.01% เท่านั้นในสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น ดังนั้น จึงคาดว่า เสียงธรรมชาติน่าจะทำงานกับมนุษย์ได้มากกว่า ในทางกลับกัน ดนตรีผ่อนคลายเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างใหม่สำหรับมนุษย์
แต่ถ้าถามว่า ระกว่างเสียงธรรมชาติกับดนตรีผ่อนคลาย แบบไหนผ่อนคลายกว่ากัน มันก็ขึ้นอยู่กับชอบส่วนบุคคลด้วย ทั้งสองอย่างสามารถได้ผล แต่เพียงแค่โดยส่วนตัวมองว่า เสียงธรรมชาติช่วยให้ผ่อนคลายเร็วกว่า ในทางกลับกัน ดนตรีผ่อนคลายเหมาะกับการทำสมาธิมากกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่ว่ามานี้ ไม่ได้หมายความว่า ดนตรีผ่อนคลายไม่มีประโยชน์ การใช้ดนตรีผ่อนคลายกับผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจ แสดงให้เห็นว่า ดนตรีช่วยลดความวิตกกังวล อัตราการเต้นของหัวใจ อัตราการหายใจ ความดันโลหิต และคุณภาพการนอนหลับโดยรวมหลังการผ่าตัด
นี่คือส่วนหนึ่งของงานวิจัย ที่คุณสามารถหาอ่านเองได้ เพราะยังมีอีกหลายชิ้นที่ยืนยันว่า เสียงธรรมชาตินั้นช่วยเยียวยาความบอบช้ำของมนุษย์ได้จริง ๆ ดังนั้น หากวันใดคุณรู้สึกเหนื่อยล้า รู้สึกหมดแรง รู้สึกอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หรืออยากหลีกหนีออกจากบางสิ่งที่รบกวนจิตใจ ลองเปิดฟังเบา ๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงธรรมชาติ เสียงดนตรีบำบัด หรือเสียงดนตรีที่คลอไปกับเสียงธรรมชาติ ก็แล้วแต่ความชอบเลย อยู่กับตัวเองเงียบ ๆ ปล่อยใจไปกับเสียง ให้เสียงกลบความทุกข์ในใจ
ผู้เขียนเขียนบทความนี้ขึ้น ขณะฟังเสียงเพลงคลอเสียงธรรมชาติเช่นกัน เราลองมาให้แล้ว และยืนยันอีกหนึ่งเสียงว่า เสียงธรรมชาติ ช่วยให้มีสมาธิขึ้นได้จริง ๆ ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง รักตัวเองในแบบที่เป็น ปล่อยวางได้โดยไม่ต้องพึ่งจิตแพทย์ นี่คือการเยียวยาที่เราสามารถหาเองได้ วันนี้คุณฟังเสียงธรรมชาติรึยัง?
ที่มาข้อมูล