svasdssvasds

โลกจะเผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากผลพวงเอลนีโญ ที่รุนแรง-ยาวนานขึ้น

โลกจะเผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากผลพวงเอลนีโญ ที่รุนแรง-ยาวนานขึ้น

โลกกำลังจะเข้าสู่ ปรากฏการณ์เอลนีโญ โดยสิ่งที่โลกกำลังเจอเจอก็คือ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นและอาจเกิดภัยแล้งเป็นวงกว้าง หลังจากโลกเพิ่งจบจากปรากฏการณ์ลานีญา ที่มีมาต่อเนื่องยาวนาน ถึง 3 ปีซ้อน

โลกจะถูกแผดเผาเผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากผลพวงเอลนีโญ ที่รุนแรง-ยาวนานขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ ออกมาเตือนถึงประเด็น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ซึ่ง ณ เวลานี้ กำลังจะเข้าสู่ปรากฏการณ์ เอลนีโญ โดยสิ่งที่โลกกำลังเจอเจอก็คือ อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นและอาจเกิดภัยแล้งเป็นวงกว้าง  หลังจากโลกเพิ่งจบปรากฏการณ์ลานีญา ที่มีมาต่อเนื่องยาวนาน ถึง 3 ปีซ้อน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลีย เพิ่งระบุว่า ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในแบบจำลองภูมิอากาศโลกปัจจุบัน ชี้ถึง “สภาวะหยุดนิ่ง” เป็นกลางทางภูมิอากาศ  ซึ่งตามปกติแล้ว โลกของเราจะเกิดขึ้นระหว่างการสลับสับเปลี่ยนกันไปมาระหว่างปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” และ “ลานีญา”  โดยในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ โลกต้องเผชิญ ลานีญาถึง 3 ปีซ้อน

ดังนั้น เมื่อโลกมาถึง สภาะหยุดนิ่ง นั่นหมายความว่า นี่คือสัญญาณสำคัญว่า โลกกำลังผลัดเปลี่ยนจะ เข้าสู่ยุค "เอลนีโญ"  อีกครั้งในอนาคตอันใกล้นี้

โลกจะเผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากผลพวงเอลนีโญ ที่รุนแรง-ยาวนานขึ้น  

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ผู้คนจะเจออะไรบ้าง เมื่อเข้าสู่ "เอลนีโญ"

สำหรับ ปรากฏการณ์เอลนีโญ คือเกิดจากกระแสลมมีกำลังอ่อนและเปลี่ยนทิศทางพัดจากด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปฟิซิกไปด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปฟิซิก ทำให้กระแสน้ำอุ่นไหล ไปยังทวีปอเมริกาใต้แทน ด้วยเหตุนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียขาดฝนและเกิดความแห้งแล้ง แต่ชายฝั่งของทวีปอเมริกาใต้กลับมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น  ดังนั้น เมื่อ โลกต้องเจอกับ "เอลนีโญ" แล้ว   คลื่นความร้อนและความแห้งแล้งจะทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างยาวนานในภูมิภาคแปซิฟิกหลังจากนี้เป็นต้นไป

นอกจากนี้ ปรากฏการณ์เอลนีโญ ยังสามารถทำให้เกิดคลื่นความร้อนและภัยแล้งเป็นบริเวณกว้าง เนื่องจากน้ำทะเลในตอนกลางและทางตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบเส้นศูนย์สูตรจะอุ่นขึ้น  ส่งผลให้กระแสลมกรดในแถบนั้นเคลื่อนตัวพัดลงใต้ นำพาอากาศร้อนและแห้งไปยังแถบตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากขึ้น โดยปรากฏการณ์นี้มักจะเกิดขึ้นเป็นเวลานาน 12-18 เดือน ในแต่ละครั้ง

โลกจะเผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้ง จากผลพวงเอลนีโญ ที่รุนแรง-ยาวนานขึ้น

และในระยะยาวแล้ว  การเปลี่ยนแปลงภูมิสภาพอากาศ หรือ Climate Change จะส่งผลเอื้อให้โลก และผู้คนต้องเจอกับ ปรากฏการณ์เอลนีโญ (ซึ่งตรงข้ามกับลานีญา) เกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่า โดยคลื่นความร้อนและความแห้งแล้งจะทวีความรุนแรงและเกิดขึ้นอย่างยาวนานในภูมิภาคแปซิฟิกหลังจากนี้

• โลกช่วงที่ผ่านมาเกิดลาลีญา 3 ปีซ้อน

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น , โลกได้เกิดลานีญาถึง 3 ปีซ้อน (ที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปนั้น) จัดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่หาพบได้ยากมาก โดยโลกเคยมีการบันทึกไว้เพียง 2 ครั้งที่เกิดลานีญา 3 ปีซ้อน ในประวัติศาสตร์โลก โดยเกิดขึ้นระหว่างช่วงปี 1973-1976 และ 1998-2001

ทั้งนี้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ไว้ในวารสาร Geophysical Research Letters เมื่อปี 2565 ซึ่งทำการศึกษาโดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐอเมริกา บ่งชี้ว่าความผิดปกติของ ปรากฏการณ์ลานีญาเกิดจากการกระทำของมนุษย์ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา มากกว่าจะเป็นวงจรความเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ

สำหรับ ลานีญา นั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ตรงกันข้ามกับเอลนีโญ เป็นโลกอยู่ในภาวะที่อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลตลอดมหาสมุทรแปซิฟิกตอนกลางตะวันออกแถบเส้นศูนย์สูตรจะต่ำกว่าปกติ 3-5 °C และผลกระทบของลานีญา ก็มักจะตรงกันข้ามกับของเอลนีโญ คือทำให้ฝนตกหนักและอากาศหนาวเย็นในแถบแปซิฟิก

ที่มา bbc.com 

bbc.com

related