ฝุ่น PM2.5 วันนี้ 16 ก.พ. 67 ฟุ้ง 72 พื้นที่ทั่วกรุง ทั้งอาทิตย์ไม่มีวันไหนแผ่ว
ฝุ่น PM2.5 วันนี้ 16 ก.พ. 67 ฟุ้ง 72 พื้นที่ทั่วกรุง สรุปทั้งอาทิตย์ไม่มีวันไหนแผ่ว ทั้งนี้มาตรการ WFH ของ กทม. ช่วยลดฝุ่น ลดค่าใช้จ่าย แถมป้องกันสุขภาพจากการลดการออกไปข้างนอก
สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในประเทศไทยช่วงเดือน ก.พ. พบว่าช่วงต้นเดือน ดีขึ้นต่อเนื่องหลายวัน หลายๆ พื้นที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ กับ คุณภาพอากาศดี จนกระทั่งเข้าสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 เริ่มเปลี่ยนไปหลายพื้นที่เกินมาตรฐานกระทบสุขภาพจนหน้าห่วง ซึ่งปัจจัยที่ทำให้มีฝุ่นเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มาจากสภาพอุตุนิยมวิทยามีความผันผวน ทำให้เพดานอากาศต่ำลงมาก อยู่ในระดับใกล้ผิวพื้น ประกอบกับความเร็วลมค่อนข้างต่ำ ทำให้ฝุ่นสะสมหนาแน่นเพิ่มขึ้น
โดยเมื่อเวลา 07.00น. เว็บไซต์ airbkk.com ได้รายงานสถานการร์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพ พบว่าเกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม 72 พื้นที่ ส่วนใหญ่อยู่ในระดับสีส้ม
ทั้งนี้กรุงเทพมหานคร ได้ออกประกาศให้หน่วยงานสังกัดกทม. Work from home (WFH) และขอความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน จำนวน 151 แห่ง (60,279 คน) ในวันพฤหัสบดีที่ 15 และศุกร์ที่ 16 ก.พ. ลดการระบายฝุ่นที่แหล่งกำเนิดมลพิษ ลดหรืองดการใช้รถยนต์ โดยหันไปใช้รถสาธารณะ บำรุงเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอโดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล และงดการเผาทุกชนิด สำหรับในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล
ด้าน นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าฯ กทม. ได้อธิบายว่า มาตรการ WFH จะช่วยลดฝุ่นได้แค่ไหน? โดยโพสต์อธิบายผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยระบุว่า...
ตอนนี้ทางกทม.เราประกาศการ WFH ภายในองค์กร (ยกเว้นหน่วยให้บริการประชาชน) และขอความร่วมมือภาครัฐและภาคเอกชน (เครือข่ายเกิน 60,000 คน) ให้ WFH เช่นกัน
WFH มีข้อดีสองมิติคือ
- การลดปริมาณฝุ่นจากการเดินทางไปที่ทำงาน
- การป้องกันสุขภาพจากการลดการออกไปข้างนอก
ในมิติของการลดปริมาณฝุ่นจากการเดินทาง ผมขอแชร์งานวิจัยของอ.ภัคพงศ์ พจนารถ จากคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม NIDA ที่ได้ทำข้อมูลมา
อ.วิเคราะห์หลายนโยบาย เช่น WFH, ห้ามการเผาในที่โล่งโดยเด็ดขาด, เปลี่ยนรถเมล์เป็น NGV, ขยายขอบเขตพื้นที่จํากัดเวลารถบรรทุกขนาดใหญ่
โดยพิจารณา 3 ปัจจัย
- ปริมาณ PM2.5 ที่ลดลง (หน่วย: กก.ต่อเดือน)
- ต้นทุนส่วนเพิ่ม (หน่วย: บาทต่อ กก.ต่อเดือน)
- ระดับผลกระทบทางสังคม
สำหรับมาตรการ WFH มีรายละเอียดดังนี้
มาตรการ: ให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ทางานจากระยะไกล (Work from remote) โดยตั้งเป้าไว้ที่ 30% และขอความร่วมมือจากบริษัทเอกชนให้พนักงานทางานจากระยะไกล
- ปริมาณ PM2.5 ที่ลดลง: 29,746 กก./เดือน
- ต้นทุนส่วนเพิ่ม: -56,402 บาท/กก./เดือน
- ระดับผลกระทบทางสังคม: ต่ำมาก
[สรุป: ลด PM2.5 มาก + ต้นทุนตํ่า (ตํ่าจนกลายเป็นการประหยัด)]
เปรียบเทียบกับมาตรการจํากัดเวลารถบรรทุกใหญ่
มาตรการ: ขยายขอบเขตพื้นที่ในการจํากัดเวลารถบรรทุกขนาดใหญ่เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานครจากวงแหวนรัชดาภิเษก ไปเป็นวงแหวนกาญจนา
- ปริมาณ PM2.5 ที่ลดลง: 3,012 กก./เดือน
- ต้นทุนส่วนเพิ่ม: 450,140 บาท/กก./เดือน
- ระดับผลกระทบทางสังคม: ตํ่ามาก
[สรุป: ลด PM2.5 ตํ่า + ต้นทุนสูงมาก]
จากข้อมูลเหล่านี้ มีข้อสังเกตว่า
- แม้ "ระดับผลกระทบทางสังคม" ของทั้ง 2 มาตรการจะอยู่ในเกณฑ์ “ตํ่ามาก” เท่ากัน แต่ปัจจัยเรื่อง ปริมาณ PM2.5 ที่ลดลง และ ต้นทุนส่วนเพิ่ม นั้นแตกต่างกันอย่างยิ่ง
- สำหรับ "ปริมาณ PM2.5 ที่ลดลง" มาตรการ Work From Remote ของภาครัฐเพียง 30% นั้นสามารถลด PM2.5 ได้มากกว่าการขยายขอบเขตพื้นที่จํากัดรถบรรทุก (29,746 กก./เดือน vs. 3,012 กก./เดือน)
- แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ปัจจัยเรื่อง "ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น" ซึ่งสำหรับ มาตรการ WFH นั้นต้นทุนส่วนเพิ่มเป็น negative (-56,402 บาท/กก./เดือน) ซึ่งหมายความว่าจะทำให้เกิดการลดค่าใช้จ่าย เทียบกับมาตรการขยายขอบเขตพื้นที่ในการจํากัดเวลารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนส่วนเพิ่มที่สูงมากถึง 450,140 บาท/กก./เดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
