svasdssvasds

นักวิชาการแนะ วิกฤตฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือควรประกาศเป็นเขตภัยพิบัติได้แล้ว

นักวิชาการแนะ วิกฤตฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือควรประกาศเป็นเขตภัยพิบัติได้แล้ว

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ รัฐควรเร่งแก้ปัญหาและประกาศเป็นเขตภัยพิบัติได้แล้ว หากปล่อยไว้จะยิ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมแนะนำภาครัฐ

เป็นเวลา 5 วันติดต่อกันแล้วที่ภาคเหนือยังคงเผชิญวิกฤตฝุ่น PM2.5 คลุ้งทั่วเมืองหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย และเชียงใหม่ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน จนถึงขั้นมีผู้ป่วยจากฝุ่นสะสมแล้ว 3,000 ราย ล่าสุดนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมจี้รัฐบาลว่าควรเร่งประกาศเป็นเขตภัยพิบัติได้แล้ว

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม ได้กล่าวถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือว่า จากการตรวจสอบประเทศไทยมีจุดความร้อนเยอะมาก ส่วนหนึ่งมาจากการลักลอบแอบเผา ซึ่งก็มีการขอความร่วมมือให้หยุดเผาแล้วในช่วง 15 ก.พ. – 30 เม.ย. ใน 3 จังหวัด ทั้งแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย

ดร.สนธิ คชวัฒน์ นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม

และที่สำคัญ คือฝุ่น PM2.5 ที่พุ่งสูงในจังหวัดเชียงราย ส่วนใหญ่สาเหตุมาจากการเผาจากที่อื่นค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะหมอกควันข้ามพรมแดนจากประเทศเพื่อนบ้านอันเนื่องมาจากการเผาทางการเกษตร

จากการสังเกตจะพบว่า ประเทศเพื่อนบ้าน มีอัตราการขยายพื้นที่เพื่อปลูกผืชผลทางการเกษตรกันจำนวนมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยได้ทำพันธะสัญญาทางเกษตรกับประเทศเพื่อนบ้านในการปลูกพืช 8 ชนิด เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ข้างโพดหวาน  ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันฝรั่ง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ยูคาลิปตัน มีการนำร่องในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แต่ที่ปลูกเยอะมากที่สุด คือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งพอปลูกเสร็จแล้วจะต้องเคลียพื้นที่โดยการเผา และทำการปลูกใหม่ จึงทำให้เกิดการเผาเป็นจำนวนมาก ทำให้หมอกควันฝุ่นก็ข้ามมายังประเทศไทยในภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งประเทศไทยรับซื้อทั้งหมด โดยภาษีเป็นศูนย์ ทำให้กระเทศเพื่อนบ้านปลูกกันเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น สถานการณ์ฝุ่นหนักหนาสาหัสขนาดนี้ ภาครัฐจำเป็นที่ต้องประกาศเป็นภัยพิบัติสาธารณภัยได้แล้ว ตามมาตรา 4 ของพ.ร.บ.ป้องกันสาธารณภัย 2550 พร้อมทำห้องปลอดฝุ่น ให้กับกลุ่มคนเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และหยิงตั้งครรภ์ ซึ่งภายในห้องปลอดฝุ่นจะต้องประกอบไปด้วยแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูงที่สามารถกรอง PM2.5 ได้ นี่คือสิ่งที่รัฐต้องทำ ก่อนประชาชนจะเจ็บป่วยไปมากกว่านี้

ฉีดน้ำดับ PM2.5 กลางเมืองเชียงใหม่ และถ้ารัฐประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ รัฐก็ต้องนำเงินออกมา เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ต้องหยุดการทำมาหากิน อาทิ การซื้อหน้ากาก N95 มาแจกให้กับประชาชน และสั่งให้ทำงานที่บ้าน เรียนที่บ้าน และต้องมีมาตรการชดเชยรายได้ที่เสียไปหาต้องหยุดทำงานกระทันหัน และบังคับเจ้านายจากทุกสาขาอาชีพให้อนุญาตประชาชนทำงานที่บ้านหรือหยุดพักงานชั่วคราวได้

ตอนนี้ประชาชนกังวลว่า รัฐบาลอยู่ในช่วงเกียร์ว่างหรือเปล่า ดร.สนธิ ระบุว่า ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง ทำให้หน่วยงานกังวลว่าถ้าออกมาตรการอะไรออกมาจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและภาคการท่องเที่ยว ขณะเดียวกัน ทางกระทรวงมหาดไทยก็อ้างว่าไม่เคยทำมาก่อน ปกติทำแต่ น้ำท่วม ภัยแล้ง ภัยหนาว  และไม่รู้จะประกาศฝุ่นPM2.5 ว่าต้องมีปริมาณสูงแค่ไหนถึงจะเป็นภัยพิบัติ ซึ่งส่วนตัวมองว่าคิดแบบนั้นไม่ได้ ยิ่งทำให้ประชาชนที่ออกไปทำงานนอกบ้าน ส่งผลให้กระทบต่อร่างกายในระยะสั้น ระยะยาวได้

โดยมองว่าการประกาศภัยพิบัติสามารถทำได้ เพราะเรามีคณะกรรมการ มาตรา 4 ของพ.ร.บ.ป้องกันสาธารณภัย 2550 มันระบุว่า ฝุ่นPM2.5 คือเหตุอื่นๆที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต เพราะฉะนั้นสามารถประกาศได้ ขณะเดียวกันเรามีคณะกรรมการป้องกันบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยสามารถกำหนดหลักเกณฑ์ได้

รัฐบาลต้องทำให้เกิดการงดการเผาป่า เผาข้าวโพด เผาหญ้าในประเทศไทย แต่รัฐบาลทำไม่ได้ ก็ยังมีประชาชนแอบเผากันอย่างต่อเนื่องเพราะประเทศไทยไม่เคยเข้มงวดการใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สอดคล้องกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการปลูกและเผาอีกจำนวนมาก โดยระยะยาวรัฐบาลต้องไปเจรจาพันธะสัญญาการเกษตรว่าจะไม่ซื้อ หากเกิดการปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมาย และมีการเผากอซัง เป็นต้น

ดร.สนธิ ระบุว่า หากประชาชนสูดฝุ่นPM2.5 มากเกินไปในระยะสั้นอาจจะก่อให้เกิดอาการ คันตามตัว น้ำมูกไหล แสบจมูก  แสบตา แต่ในระยะยาว พอสูดฝุ่นPM2.5 เข้าไปในเส้นเลือด ทะลุถุงลมปอดในเส้นเลือด และทำให้เส้นเลือดตีบ อาจจะป่วยเป็นโรคปอดอุดกลั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมองอักเสบ หัวใจขาดเลือด และเป็นมะเร็งปอด

ประชาชนไม่ควรออกไปสัมผัสฝุ่น หากจำเป็นให้สวมใส่หน้ากากอนามัยN95 เท่านั้น หรือ อยู่ในห้องปลอดฝุ่น และใช้เครื่องฟอกอากาศในการกรองฝุ่นPM2.5

related